20 ธันวาคม 2560

FLAPS

Flaps คือ high-lift device ชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับเพิ่มแรงยกให้กับปีกสำหรับความเร็วที่กำหนด ตัว Flaps จะติดตั้งอยู่ที่ชายหลังปีกของเครื่องบินแบบ Fixed wing ใช้เพื่อลดความเร็วขั้นต่ำสุดที่สามารถบินได้อย่างปลอดภัย และช่วยเพิ่มมุมร่อนสำหรับการลงจอด ตัว Flaps เองยังไปเพิ่มแรงต้าน(Drag)ด้วย จึงต้องเก็บเข้าที่เมื่อไม่จำเป็น
การกาง Flaps จะไปเพิ่มความโค้งให้กับปีก ทำให้สัมประสิทธิ์แรงยกสูงสุดเพิ่มขึ้น จึงทำให้ถึงแม้ว่าจะต้องลดความเร็วลงไปแต่แรงยกก็จะไม่ลดลงไป ช่วยลดความเร็วร่วงหล่น(Stalling speed) และความเร็วต่ำสุดที่เครื่องบินยังบินอยู่ได้ การเพิ่มความโค้งของปีกทำให้แรงต้านเพิ่มขึ้น ซึ่งกลายเป็นผลดีตอนลงจอด เหตุเพราะแรงต้านจะช่วยลดความเร็วลงไปพอเหมาะสำหรับการลงจอดที่มีรันเวย์จำกัด ในเครื่องบินบางแบบ การกาง Flaps จะทำให้มุมเงยของเครื่องบินลดลง ช่วยให้นักบินมองเห็นรันเวย์ผ่านหัวเครื่องได้ง่ายขึ้นด้วยครับ
Flaps จะถูกใช้งานขณะทำการวิ่งขึ้นและลงจอดเป็นหลักครับผม

26 มกราคม 2560

5-Pilot Questionnaire time : 0009/2017

5-Pilot Questionnaire time : 0009/2017


Q: Thermodynamics คืออะไร
A: Thermodynamics คือการศึกษาเรื่องของพลังงานที่เกิดจากความร้อนหรือความกดอากาศหรือก๊าซภายใต้สภาวะแปรฝันของอุณหภูมิและความกดอากาศ

Q: จงอธิบายทฤษฎีของ  Bernoulli
A: ทฤษฎีของ Bernoulli กล่าวไว้ว่าพลังงานรวมที่เกิดขึ้นขณะที่ของไหลหรือก๊าซเคลื่อนที่นั้นอยู่ในรูปแบบของพลังงานสามชนิด ได้แก่
1.พลังงานศักย์( Potential energy)
2.พลังงานที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างความกดอากาศกับอุณหภูมิ
3.พลังงานจลน์(Kinetic energy)

หากได้พิจารณากระแสอากาศที่กำลังเคลื่อนที่ พลังงานศักย์ถือได้ว่ามีอยู่น้อยมาก ดังนั้นจึงพอจะสรุปได้ว่าพลังงานจลน์บวกกับพลังงานที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างความกดอากาศกับอุณหภูมิจะมีค่าคงที่เสมอ ดังนั้น ถ้าพลังงานจลน์เพิ่มขึ้น พลังงานที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างความกดอากาศกับอุณหภูมิจะลดลงเป็นอัตราส่วนที่สัมพันธ์กันเสมอ และในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน เพื่อที่จะรักษาพลังงานรวมให้คงทีเสมอ

Q: จงอธิบายคำว่า  Venturi
A: Venturi  คือการประยุกต์ตามทฤษฎีของ Bernoulli  บางครั้งก็จะเรียกว่า Convergent/Divergent duct
ท่อ  Venturi จะมีปากทางเข้าที่ค่อยๆแคบเข้าไปด้านใน เรียกว่า Converging duct ซึ่งจะทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังนี้
1. ความเร็วของกระแสอากาศเพิ่มขึ้น 2. ความกดอากาศ(static)ลดลง 3.อุณหภูมิลดลง 

ส่วนของปลายท่อจะเริ่มกว้างขึ้น เรียกว่า Diverging duct  และทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังนี้
1.ความเร็วของกระแสอากาศลดลง 2.ความกดอากาศ(static)เพิ่มขึ้น 3.อุณหภูมิเพิ่มขึ้น

เพื่อที่จะทำให้กระแสอากาศที่ไหลผ่านนั้นผ่านไปได้อย่างราบเรียบนั้น กระแสอากาศรวมที่ไหลผ่านท่อแบบ Venturi จะต้องคงที่ ดังนั้นหากจะต้องไหลผ่านบริเวณแคบๆตรงกลางไปได้ ความเร็วของกระแสอากาศที่ไหลผ่านช่วงที่แคบ(Throat) จะต้องเพิ่มขึ้น และตามที่ทฤษฎีของ Bernoulli ได้ว่าไว้ ทำให้เกิดการลดลงของความกดอากาศและอุณหภูมิ และเมื่อปลายท่อเริ่มกว้างขึ้น(Divergent duct) ความเร็วของกระแสอากาศก็จะลดลง จึงทำให้ความกดอากาศและอุณหภูมิก็จะเพิ่มขึ้น

Q: Combustion cycle ของ Piston engine เป็นอย่างไร
A: ประกอบไปด้วยสี่จังหวะ ได้แก่ Induction-compression-combustion(expansion)-exhaust ซึ่งการเกิด Combustion  ของ Piston engine นั้นจะเกิดขึ้น ณ ปริมาตรคงที่เสมอ

Q: Combustion ratio  ของ Piston engine คืออะไร
A: Combustion ratio คืออัตราส่วนระหว่างปริมาตรรวมภายในกระบอกสูบ(Cylinder) กับปริมาตรที่อยู่ระหว่าง Top dead center(TDC) กับตำแหน่งสุดท้ายของ Piston ในจังหวะ Compression

14 มกราคม 2560

5-Pilot Questionnaire time : 0008/2017

5-Pilot Questionnaire time : 0008/2017




Q: Fowler flaps คืออะไร
A: มันคือFlaps ชายหลังปีกชนิดหนึ่งที่ใช้เพิ่มพื้นที่ปีกและความโค้งของปีก จึงช่วยเพิ่ม สัมประสิทธิ์แรงยกสูงสุดสำหรับการใช้Flaps ในช่วง Low setting หากเราใช้ Flaps ค่า High setting มันจะทำให้เกิดแรงต้านมากกว่าช่วยเพิ่มแรงยก เราจึงจะใช้ Flaps ในช่วงค่า High setting เมื่อต้องการจะลดความเร็วและความสูง ส่วนใหญ่จะใช้ในช่วง Approach to land

Q: หน้าที่หลักของ Flaps สำหรับเครื่องบินเจ็ทคืออะไร
A: ช่วยเพิ่มแรงยกโดยการขยายเส้นชยา Geometric chord line (เส้นตรงสมมติที่ลากจากด้านหน้าปีกไปทางชายหลังปีก) จึงช่วยเพิ่มความโค้งและพื้นที่ปีก

Q: ผลกระทบของการกาง Flaps ระหว่างทำการบินในอากาศ
A: การกาง Flaps จะทำให้เ้กิดการเปลี่ยนแปลง Pitching moment ทิศทางและองศาของการเปลี่ยนแปลงของมุมเงยจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งปัจจุบันของ Center of Pressure และตำแหน่งของ Center of gravity 
                         ปัจจัยที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ได้แก่
1.การเพิ่มขึ้นของแรงยกที่ถูกสร้างโดยพื้นที่ปีกและความโค้งของปีกที่มากขึ้น จะนำไปสู่การเกิด Pitching-up moment  หาก Center of Pressure อยู่ในตำแหน่งด้านหน้าของ Center of gravity
2.หากการเคลื่อนที่ของตำแหน่งของ Center of Pressure คือเลื่อนไปอยู่ด้านหลังของ Center of gravity มันจะทำให้เกิด Pitching-down moment ซึ่งทำให้หัวเครื่องบินถูกกดลงไป
3. Flaps ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของ Downwash (กระแสอากาศที่ถูกอาการพลวัต บังคับให้เฉลงเบื้องล่างข้างหลังปีกของเครื่องบิน) จึงทำให้มุมปะทะ (Angle of attack : มุมแหลมที่เกิดระหว่างเส้นชยาเฉลี่ยของปีกเครื่องบินกับทิศทางลมสัมพัทธ์) ของTailplane ลดลง และทำให้เกิด Nose-up moment
4.แรงต้านที่เพิ่มขึ้นมาจากการกาง Flaps จะทำให้หัวยกขึ้นหรือกดลงนั้น ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของ Flaps อยู่เหนือหรือต่ำกว่าแกนขวางของลำตัว(Lateral axis)
               การเปลี่ยนแปลงโดยรวมและทิศทางของ Pitching moment จะขึ้นอยู่กับว่าผลกระทบใดมากกว่ากัน โดยปกติแล้ว แรงยกที่เพิ่มขึ้นซึ่งถูกสร้างโดยการขยายเส้นชยาเมื่อ Flaps ถูกกางออกจะส่งผลกระทบมากกว่าและทำให้เกิดการเงยขึ้น( Pitching-up moment) ก็เพราะว่า Center of Pressure ปกติจะอยู่ด้านหน้าของ Center of gravity นั่นเอง

Q: การใช้ Flaps ส่งผลกระทบต่อระยะทางในการวิ่งขึ้นอย่างไร
A: แยกออกได้สองกรณีคือ
1. กางFlaps ภายในย่านที่ใช้สำหรับการวิ่งขึ้น( Within the takeoff range) ยิ่งใช้ Flaps ค่ามากเท่าไหร่ ยิ่งลดระยะทางการวิ่งขึ้นสำหรับนำ้หนักวิ่งขึ้นนั้นๆ การใช้ Flaps จะช่วยเพิ่มสัมประสิทธิ์แรงยกสูงสุดของปีกเนื่องจากเส้นชยาที่ยาวขึ้นโดยเกิดผลเสียจากแรงต้านที่เพิ่มขึ้นไม่มาก จึงช่วยลดความเร็วร่วงหล่น(Stall speed) และลดความเร็วในการดึงเครื่องบินขึ้น( Rotation speed) รวมไปถึง Safety speed( V2) ด้วย มันช่วยให้เกิดอัตราการเร่งที่ดีสำหรับการสร้างสร้างพลังงานจลน์ที่เพียงพอและช่วยลดระยะทางการวิ่งขึ้น ยิ่งใช้Flaps มากเท่าไหร่(ภายในย่านที่ใช้สำหรับการวิ่งขึ้น) ระยะทางวิ่งขึ้นยิ่งใช้น้อยลงเพราะแรงต้านมิได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากมุมปะทะต่ำ อย่างไรก็ตาม แรงต้านจะมากขึ้นเมื่อเครื่องบินบินขึ้นไปแล้วและไม่ได้รับผลดีจาก Ground effect  ก็เพราะว่ามุมปะทะจะเริ่มมากขึ้น และนั่นทำให้แรงต้านมากขึ้นตามไปด้วย พอ airborne ขึ้นไปแล้ว สมรรถนะของเครื่องบินในช่วง Initial และ Second-segment  climb จะลดลงไปเมื่อเลือกใช้ High flaps setting
2. ไม่ได้กาง Flaps ภายในย่านที่ใช้สำหรับการวิ่งขึ้น( Outside the takeoff range) ถ้าใช้ High flap setting จะทำให้เกิดแรงต้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้อัตราการเร่งช่วงวิ่งขึ้นลดลงไป จึงต้องใช้ระยะทางในการวิ่งขึ้นที่มากขึ้นเสียจนไม่สามารถจะทำความเร็วได้ถึง Rotation speed ในช่วงเวลาที่เหมาะสม และถ้าใช้ Low flap setting ก็จะทำให้สัมประสิทธิ์แรงยกสูงสุดที่ถูกสร้างโดยปีกมีค่าต่ำลง จนทำให้ต้องเพิ่ม Rotation speed มากขึ้นเพื่อให้เกิดแรงยกที่พอสำหรับการยกตัวขึ้น ดังนั้นจึงต้องใช้ระยะทางวิ่งขึ้นมากขึ้นไปด้วย

Q: Yaw damper คืออะไร และมันทำงานอย่างไร
A: วัตถุประสงค์ของการใช้งาน Yaw damper ก็เพื่อ
1) ป้องกันการเกิด Dutch roll 
2)  ทำให้การเลี้ยวสมดุลย์( Coordinate turns)
แต่วัตถุประสงค์หลักจริงๆของ Yaw damper ก็คือป้องกันการเกิด Dutch roll เมื่อพื้นที่ของ Fin(แพนหางดิ่งตรงหางเครื่องบิน) ไม่ใหญ่พอที่ทำให้เกิดเสถียรภาพของการกวัดแกว่งตามธรรมชาติ (Natural oscillatory stability) จึงต้องช่วยด้วยการการใช้ Yaw damper เพื่อเสริมการทำงานของหางเสือเลี้ยว(Rudder)
     Yaw damper เป็นระบบไยโร(Gyro system) ซึ่งไวต่อการเปลี่ยนแปลงของการส่ายหัวเครื่อง(Yaw) และมันจะส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไปให้หางเสือเลี้ยว( Rudder) ซึ่งจะขยับไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการส่ายหัวเครื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่มันจะทำให้เกิดการเลี้ยวไปในทิศทางที่ไม่ต้องการ จึงช่วยป้องกันการเกิด Dutch roll ได้

------------------

Source: ACE The Technical Pilot Interview , Gary V. Bristow
พจนานุกรมอภิธานศัพท์การบินสำหรับบุคลากรฝ่ายปฏิบัติการบิน โดย รำจวน นภีตะภัฏ
Picture: www.pixabay.com

------------------


12 มกราคม 2560

5-Pilot Questionnaire time : 0007/2017

5-Pilot Questionnaire time : 0007/2017



Q: Adverse yaw คืออะไร
A: คือการเคลื่อนที่แบบหัวเครื่องบินส่ายไปมาในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางการเลี้ยว แบบว่าเครื่องบินเลี้ยวไปซ้าย หัวเครื่องบินส่ายไปทางขวา สาเหตุมาจากแรงต้านที่เกิดขึ้นที่ฝั่งAileron ที่กดลงไปมีมากกว่าฝั่งที่กระดกขึ้น ความไม่สมดุลย์ดังกล่าวจึงทำให้หัวเครื่องบินส่ายไปรอบแกนตั้งหรือ Vertical axis ลักษณะเช่นนี้ทำให้ Performance ของเครื่องบินลดลงไป แก้ไขโดยการออกแบบให้ Ailerons  เป็นแบบ Differentail ailerons หรือ Frise ailerons

Q: Aileron reversal คืออะไร เกิดขึ้นเมื่อใด
A:เกิดขึ้นที่ความเร็วสูงเมื่อแรงของอากาศที่เกิดขึ้นมาจนทำให้เกิดแรงยกที่เพิ่มขึ้น แรงยกส่วนใหญ่มีศูนย์กลางอยู่ตรง Aileron ที่ถูกกดลงที่ด้านหลังของปีก เกิดขึ้นจาก Nose-down twisting moment  และทำให้มุม incidence ของปีกลดลงไปจนเกิดการสูญเสียแรงยกเนื่องจากการบิดตัวทำให้แรงยกที่ได้จาก Aileron หมดไป ณ จุดนี้ Aileron จะไม่ทำให้เกิด rolling moment และถ้าปีกถูกบิดตัวมากเกินไป จะทำให้เกิดการ roll กลับข้างในที่สุด

Q: Spoilers คืออะไร ทำงานอย่างไร
A: ประกอบไปด้วยแผ่นขนาดเล็กที่เปิดขึ้นมากจากพื้นผิวปีกด้านบน ทำให้เกิดการรบกวนแรงยกหรือกระแสอากาศเหนือปีกหรือเกิดแรงต้านนั่นเอง มันทำหน้าที่สามแบบ แล้วแต่จะเลือกใช้
แบบแรกคือช่วยในการเลี้ยว โดยแผ่น Spoilers จะถูกเปิดขึ้นมาที่ปีกด้านหนึ่ง ทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ของแรงยกและทำให้เกิดการเลี้ยว ตัว Spoilers ถูกเชื่อมต่อกับตัวควบคุม Ailerons ตรง Control column อันที่จริงแล้วตัว Spoilers ช่วยการเลี้ยวได้มีประสิทธิภาพกว่าตัว Ailerons เองเสียอีก ข้อเสียของตัว Spoilers ที่ทำให้เกิดการเลี้ยวหรือ Roll ก็คือมันเสียแรงยกไปด้วย จึงอาจจะทำให้สูญเสียความสูงในขณะเลี้ยว อันตรายเมื่อใช้มันขณะบินต่ำใกล้พื้นดิน

แบบที่สองคือในฐานะ Speed brakes โดยมันจะถูกยกขึ้นมาพร้อมกันจากปีกทั้งสองข้าง ทำให้แรงต้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก ช่วยลดความเร็วเครื่องบินได้อย่างรวดเร็ว เราจะรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนเมื่อ Speed brakes ถูกใช้งานในลักษณะนี้

แบบที่สามในฐานะ Ground lift dumpers คือตัว Spoilers จะถูกยกขึ้นอย่างสมมาตรจากปีกทั้งสองข้าง โดยมันจะเปิดขึ้นมากกว่าแบบที่สอง แรงต้านเพิ่มขึ้นมโหฬาร ลดแรงยกเหนือปีก ทำให้เครื่องบินถูกกดลงกับพื้นขณะใช้งาน และยังทำให้ความเร็วเครื่องบินขณะอยู่บนพื้นลดลงอีกด้วย ใช้ตอนเครื่องลงจอด หรือยกเลิกการวิ่งขึ้นกะทันหัน 

Q: Leading-edge slats ช่วยอะไร
A: ช่วยเพิ่มพื้นที่ความโค้ง(Chamber area) ของปีกและเพิ่ม Mean aerodynamic chord(MAC) ดังนั้นมันจึงช่วยเพิ่มสัมประสิทธิ์แรงยกของปีก( Coefficient of lift ) ทำให้ความเร็วร่วงหล่นหรือ Stall speed ลดลงไป ไม่เข้าสตอลล์ง่ายเกิน

Q:Kruger flaps คืออะไร
A: มันคือ Leading-edge wing flaps ชนิดหนึ่ง ช่วยเพิ่มความโค้งของปีก จึงช่วยเพิ่มสัมประสิทธิ์แรงยกเช่นกัน


------------------

Source: ACE The Technical Pilot Interview , Gary V. Bristow
พจนานุกรมอภิธานศัพท์การบินสำหรับบุคลากรฝ่ายปฏิบัติการบิน โดย รำจวน นภีตะภัฏ
Picture: www.pixabay.com

------------------



8 มกราคม 2560

5-Pilot Questionnaire time : 0006/2017



5-Pilot Questionnaire time : 0006/2017

Q: คำว่า Primary flight controls หมายถึงอะไร
A: หมายถึงแผงบังคับการบินสามตัวที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของเครื่องบินครับ อันได้แก่
Elevator: แพนหางขึ้นลง หรือหางเสือนอน อยู่ด้านท้ายเครื่องตรงบริเวณพวงหาง ซึ่งจะควบคุมการเคลื่อนที่รอบแกนขวาง(Lateral axis) หรือเรียกว่า Pitching 
Ailerons: ปีกเล็กแก้เอียง อยู่บริเวณปีกทั้งสองข้าง เป็นแผ่นเล็กๆที่อยู่ชายหลังปีก เคลื่อนที่ขึ้นลงได้อิสระตามการควบคุมของนักบิน ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนที่รอบแกนนอน (Longitudinal axis) หรือเรียกว่า Roll/Rolling
 Rudder: หางเสือเลี้ยว อยู่ท้ายเครื่องบริเวณพวงหาง วางตัวในแนวตั้ง เคลื่อนที่ไปทางซ้ายหรือขวาตามต้องการ ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนที่รอบแกนดิ่ง( Vertical axis) หรือเรียกว่า Yaw/Yawing 

Q: Elevator คืออะไร และมันทำงานอย่างไร
A: Elevator เป็นแผ่นบังคับการบินที่ถูกแขวนอยู่ส่วนท้ายของ Horizontal tailplane หรือ Stabilizer ซึ่งถูกควบคุมการเคลื่อนไหวจากนักบินที่จะโยกคันบังคับ(Control column) เมื่อ Elevator เปลี่ยนแปลงตำแหน่งขึ้นหรือลง กระแสอากาศและแรงอากาศพลศาสตร์ที่เกิดขึ้นรอบมันก็จะเปลี่ยนแปลงไป การที่นักบินดึงคันบังคับหรือ Control column เข้าหาตัว จะทำให้  Elevator กระดกขึ้น และทำให้ความเร็วของกระแสอากาศที่ไหลผ่านตัวมันเร็วขึ้น จึงทำให้ Static pressure ที่อยู่ใต้แผ่น Elevator ลดลง นอกจากนั้น ด้านบนของแผ่น Elevator จะปะทะกับกระแสอากาศมากขึ้น ทำให้ Dynamic pressure เพิ่มขึ้นตรงบริเวณนั้น ปรากฏการณ์เหล่านี้จะสร้างแรงอากาศพลศาสตร์บนแผ่น Elevator  ซึ่งจะทำให้หัวเครื่องบินยกสูงขึ้นจากการ Pitching  รอบแกนขวางของลำตัว และในทางตรงข้าม ถ้าผลัก Control column ไปด้านหน้า ก็จะทำให้เกิด Pitching down หรือหัวเครื่องบินลดลง

Q: Ailerons  คืออะไร และมันทำงานอย่างไร
A: มันคือแผงบังคับการบินที่ติดตั้งอยู่ชายหลังปีก ซึ่งควบคุมการเคลื่อนที่ของเครื่องบินตามแกนลำตัว( Longitudinal axis) ซึ่งเรียกว่า Roll  ตัว Ailerons ถูกควบคุมโดยการโยก Control column ให้เอียงไปทางซ้ายและขวา โดยถ้าถูกโยกไปทางซ้าย มันจะไปสั่งให้แผ่น Ailerons ทางซ้ายยกขึ้น แรงยกของปีกทางซ้ายก็จะลดลง พร้อมๆกันกับการทำให้แผ่น Ailerons ทางขวาลดลง ซึ่งทำให้แรงยกของปีกทางขวาเพิ่มขึ้น ผลที่ได้ก็คือเกิดการเอียงปีก(Bank) ไปทางซ้ายซึ่งเป็น Horizontal lift force หรือ Centripetal force ที่ทำให้เครื่องบินเลี้ยวไปทางซ้าย ตัวAilerons  จะถูกควบคุมโดยใช้แรงไฮโดรลิคมาช่วย โดยเฉพาะเครื่องบินที่มีน้ำหนักมากและบินเร็ว เนื่องจากต้องใช้แรงมากในการเคลื่อนไหว  Ailerons ณ ความเร็วที่สูง

Q: Rudder คืออะไร และมันทำงานอย่างไร
A: มันคือแผ่นบังคับการบินที่ติดตั้งไว้ด้านท้ายเครื่องบินตรงบริเวณแพนหางแนวดิ่ง(Vertical fin) ซึ่งจะถูกควบคุมโดย Rudder pedals ที่อยู่ตรงเท้าทั้งสองข้าง เมื่อแผ่น Rudder เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง กระแสอากาศและแรงอากาศพลศาสตร์ที่เกิดขึ้นรอบ Rudder ก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย การที่นักบินถีบ Rudder pedal ทางด้านซ้ายจะทำให้แผ่น Rudder เอียงไปทางซ้าย จึงทำให้กระแสอากาศที่ไหลผ่านมีความเร็วมากขึ้นและลด Static pressure ที่เกิดขึ้นทางด้านขวาของแผ่น Rudder  นอกจากนั้น ทางด้านซ้ายของแผ่น Rudder ก็ยังจะปะทะกับกระแสอากาศเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิด Dynamic pressure เพิ่มขึ้น ผลที่ได้ก็คือเกิดแรงอากาศพลศาสตร์ทางด้านขวาของแผ่น Rudder ที่เหนี่ยวนำให้เกิดการ Yaw รอบแกนตั้ง(Vertical axis) ไปทางซ้าย ณ จุดที่เป็น  Center of gravity ของเครื่องบิน

Q: Elevator reversal คืออะไร
A: มันเกิดขึ้น ณ ความเร็วสูงเมื่อแรงที่เกิดจากกระแสอากาศที่ไหลผ่านนั้นมากพอที่จะทำให้เกิดโมเมนต์การหมุนสวนทางทางแผ่น Elevator ทำให้หมุนกลับไปสู่สภาวะ Neutral หรือหมุนย้อนกลับไปทิศตรงข้าม ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง Pitch ของเครื่องบินโดยฉับพลัน
------------------
Source: ACE The Technical Pilot Interview , Gary V. Bristow
พจนานุกรมอภิธานศัพท์การบินสำหรับบุคลากรฝ่ายปฏิบัติการบิน โดย รำจวน นภีตะภัฏ
Picture: www.pixabay.com
------------------