22 พฤศจิกายน 2557

หัดเป็นคนสร้างภาพ

หัดเป็นคนสร้างภาพ

เคยมั๊ย ขับรถเหม่อลอยจนเลยซอยบ้านตัวเอง เคยมั๊ยที่เกือบถูกรถชนตอนข้ามถนนหน้าปากซอยเพราะไม่ทันระวังว่าอาจจะมีรถเลี้ยวเข้าซอยกะทันหัน เคยมั๊ยที่กุญแจตกลงไปในท่อน้ำที่เป็นตะแกรงเพราะเราถือมันเอาไว้กับของเต็มมือ เคยมั๊ยที่ไอโฟนเครื่องใหม่จอแตกเพราะลืมไปว่าใส่ไว้กระเป๋าหลังกางเกงแล้วนั่งทับมัน เคยมั๊ยที่เกือบถอยรถขนน้องหมาตัวโปรดที่นอนอยู่ท้ายรถเพียงเพราะเราเคยชินกับการถอยรถทุกเช้าที่มีแต่เราเท่านั้นที่ออกจากบ้าน

ท่านลองนึกภาพนักบินแอร์ไลนส์ที่เอาเครื่องบินบินไปเฉียดภูเขาลูกโตๆแบบไม่รู้ตัวเพียงเพราะลืมตรวจสอบว่าแถวๆนี้มีเขาสูงอยู่ ลองนึกภาพนักบินนำเครื่องบินบินผ่านเมฆฝนที่รุนแรงทั้งๆที่สามารถหลบมันได้โดยใช้เรดาร์ตรวจอากาศบนเครื่องบิน ลองนึกภาพนักบินที่พยายามนำเครื่องบินวิ่งขึ้นทั้งๆที่สภาพอากาศแปรปรวนมีลมเฉือน (WINDSHEAR) และก็มองเห็นว่าเครื่องบินลำหน้าที่วิ่งขึ้นก่อนมีอาการเครื่องส่ายรุนแรงตอนที่วิ่งขึ้น

ผมยกตัวอย่างให้เห็นกันว่า เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นได้เสมอหากขาดความรู้และเข้าใจเรื่อง SITUATIONAL AWARENESS หรือเรียกย่อๆว่า SA ซึ่งความหมายโดยทั่วไปของคำนี้หมายถึงการรับรู้ถึงองค์ประกอบในสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ภายใต้กรอบเวลาและพื้นที่ที่เราดำรงอยู่และทำความเข้าใจได้ถ่องแท้ รวมไปถึงสามารถวาดภาพเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นล่วงหน้าได้

สำหรับ SAในงานของนักบิน หมายถึงการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต้องทราบในงานของตัวเอง อันได้แก่ตำแหน่งของเครื่องบิน สภาพการบิน สภาวะเครื่องบิน และสามารถสร้างภาพภายในใจจากข้อมูลดังกล่าวโดยสามารถคาดการณ์ ตัดสินใจและควบคุมเครื่องบินให้บินได้ปกติและปลอดภัย องค์ประกอบที่เราสามารถสร้าง SA ให้เกิดขึ้นได้ มีดังนี้

-รวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เราดำรงอยู่ ณ ปัจจุบัน
-ประมวลผลจากข้อมูลดังกล่าวร่วมกับความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวเราเพื่อสร้างภาพในใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันขณะ
-ใช้ภาพดังกล่าวเพื่อสร้างวงจรการรับรู้อย่างต่อเนื่อง
-ทำนายเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า และตัดสินใจไปตามนั้น

ถ้านักบินไม่สามารถสร้างSA ให้เกิดขึ้นได้ ปัญหาที่จะตามมาอาจหมายถึงหายนะ ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านกันเล่นๆ แต่ไม่ขำเลยถ้ามันเกิดขึ้นจริง

-เผลอบินเข้าไปในพื้นที่การบินที่ถูกจำกัดไว้เฉพาะโดยไม่ได้รับอนุญาต จนเกือบไปเฉี่ยวชนกับเครื่องบินอีกลำ
-พนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศให้คำอนุญาตบินไต่ระดับไปที่ความสูง 20000ฟุต แต่นักบินตอบกลับไปว่าให้ไต่ไปที่ความสูง 22000ฟุต จนเครื่องเกือบไปชนกับเครื่องบินอีกลำที่ความสูง 21000ฟุตที่อยู่ข้างบนอยู่แล้ว
-อากาศดี แต่นักบินไม่คุ้นเคยสนาม นักบินขอบินแบบ VISUAL APPROACH คือใช้สายตามองเห็นรันเวย์ที่จะลงจอด แล้วบินลงไปแบบใช้สัญชาตญาณ แทนที่จะใช้ระบบนำร่องลงจอดที่แม่นยำกว่าเช่น ILS(INSTRUMENT LANDING SYSTEM) จนทำให้เครื่องบินบินลงไปต่ำกว่าที่ควรเกือบไปชนเข้ากับภูเขาที่อยู่ข้างๆรันเวย์ (ในทางการบิน เรียกว่า CFIT ซึ่งย่อมาจาก CONTROLLED FLIGHT INTO TERRAIN)

ผู้โดยสารคงจะไม่อยากใช้บริการสายการบินของเราแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเราใช้นักบินที่ไม่มี SA ดังนั้นทุกสายการบินต้องเน้นย้ำให้นักบินมีเรื่องนี้ให้มากๆ ต้องจัดให้มีการอบรม ฝึกฝน และตรวจสอบต้องถูกกระทำอย่างจริงจัง ซึ่งหากนักบินไม่ผ่านการตรวจสอบเรื่องSA ก็คงยากที่จะให้มารับผิดชอบชีวิตของผู้โดยสารและทรัพย์สมบัติมูลค่าหลายร้อยล้านได

ดังนั้น หากอยากเป็นนักบินที่ดี ต้องฝึกฝนเรื่อง SITUATIONAL AWARENESSให้บ่อยๆทุกเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นข้างหน้าเรา เอามาใช้เป็นแบบฝึกหัดได้หมด ลองฝึกดูนะครับ โดยการฝึกตั้งคำถามแบบ "What if" คือถ้ามันเป็นอย่างนั้น แล้วผลลัพธ์ที่จะเกิดต่อไปจะเป็นอย่างไร ทำบ่อยๆซ้ำๆจนกลายเป็นนิสัยอีกอย่างของเรา

แต่อย่าไปพูดพึมพำให้คนข้างตัวได้ยินหล่ะ คิดในใจเอา เดี๋ยวแฟนเราจะหาว่าเราติ๊งต๊อง อันนี้ไม่เกี่ยวกับผมนะครัช
———————————————————————————————
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น