8 มกราคม 2558

Survival (Episode three)

Survival (Episode three)


2356 น. (1656 UTC)

“V1…. Rotate” 

เครื่องบินลอยขึ้นอย่างช้าๆ กัปตันรณภพคอลล์เอ้าท์( callouts)ตามปกติในฐานะ Pilot monitoring  นักบินมนัสทำหน้าที่บินในไฟลท์ขาไปซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบอายุ 59 ปีของมนัส ลูกสาวคนเดียวของเขาตามมาด้วยไฟลท์นี้ในฐานะผู้โดยสาร

“ พี่ว่ามันสั่นแปลกๆนะตอนเก็บเกียร์ (Landing gear) นานผิดปกติ ว่ามั๊ย?” มนัสตั้งข้อสังเกตุหลังจากเอานิ้วกดปุ่ม Autopilot ที่แผง Mode control panel ด้านหน้า

“ผมก็รู้สึกเหมือนกันพี่มนัส แต่นักบินชุดที่แล้วที่เค้าบินเครื่องลำนี้บอกว่ามันสั่นเหมือนปกติ เพราะมันเป็นมานานแล้ว ไม่ยักกะมีใครลงล๊อกนะ ”  รอนเห็นด้วย ล๊อกคือ Aircraft maintenance log สมุดปูมที่นักบินสามารถตรวจสอบอาการต่างๆที่ผิดปกติและสามารถเขียนบอกช่างให้แก้ไขได้

“ มีคอมเพล้นท์(Complaints)ที่ยังไม่แก้ไขอยู่เรื่องนึงครับพี่มนัส เวทเทอร์เรดาร์ซีสเต็มทู(Airborne weather radar system2)เสีย รออะไหล่อยู่ ดิวเดท( Due date) เสาร์หน้าแหนะ เวรกรรม” รอนบ่นออกมาให้รุ่นพี่ฟัง
“ก็ยังโอเคนะ มีเรดาร์เหลือให้ใช้อีกตัว พอทน” มนัสออกความเห็นในเชิงบวก
“ถ้าวันนี้มันเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ผมคงสบายใจกว่านี้” รอนอดกังวลไม่ได้

เครื่องบินลำใหญ่สองเครื่องยนต์ที่พาผู้โดยสารเกือบสามร้อยชีวิตรวมทั้งลูกเรือ ค่อยทะยานขึ้นไปที่ความสูงสามหมื่นเจ็ดพันฟุตเหนือระดับน้ำทะเล พยากรณ์อากาศที่ได้รับจากพนักงานอำนวยการบินของบริษัท(Flight Dispatcher) บอกว่าจะมี Clear air turbulence สักประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องบินลงที่โตเกียว นอกจากนั้นไม่มีอะไรพิเศษยกเว้นกระแสลมแรงส่งท้ายเครื่องที่ทำให้ชั่วโมงเดินทางในวันนี้สั้นกว่าปกติที่บินในฤดูร้อน

“หลังผ่าตัดแล้ว พี่เป็นยังงัยบ้าง” รอนหาหัวข้อมาสนทนากับนักบินรุ่นพี่แต่ตอนนี้ทำหน้านักบินผู้ช่วยของเขา มนัสไม่สามารถฝึกเป็นกัปตันหรือนักบินที่หนึ่งได้เพราะปัญหาสุขภาพ เขาเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้องทำบายพาสมาสองรอบ คุณหมอเวชศาสตร์อนุญาตให้บินได้แต่มีข้อจำกัดเรื่องการฝึก เขาจึงต้องเป็นนักบินผู้ช่วยแบบเพอร์มาเน้นท์อยู่ที่กินรีแอร์ ซึ่งมนัสเองก็ยอมรับได้

 “ ก้อโอเคนะรอน “ มนัสเรียกชื่อเล่นกัปตันอย่างสนิทสนม
 “ มันทรงๆอ่ะ พี่ก็พยายามดูแลสุขภาพ ทานผักทานปลา ยาที่หมอเวชศาสตร์สั่งมาให้ทาน พี่ก็ต้องทานตลอด นี่เมียก็ฝากลูกสาวมากำราบพี่วันนี้ กะว่าจะทานอะไรตามใจปากซะหน่อยไปโตเกียวคราวนี้” 
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เข้าใจเลยพี่มนัส นี่แสดงว่าแอบหนีเที่ยวบ่อยใช่ปะ “ รอนอำรุ่นพี่เล่นเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในการบิน เขาเข้าใจความลำบากของมนัสดี เมื่อสองปีที่แล้ว รอนยังเคยไปเยี่ยมมนัสตอนที่ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะต้องเข้าผ่าตัด

“ปิ๊ง ป่องงงง” เสียงเรียกจากในเคบิน ทำให้นักบินทั้งสองต้องหยุดการสนทนาชั่วคราว
“ครับผม มีอะไรครับพี่แอน” รอนยกหูโทรศัพท์คุยกับหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในวันนี้ที่โทรอินเตอร์โฟน(Interphone)เข้ามาในค๊อกพิทขณะที่เครื่องบินกำลังเริ่มบินระดับที่ความสูงสามหมื่นเจ็ดพันฟุต
“อุ๊ย ทราบได้ยังงัยว่าพี่จะโทรมา คิดอะไรกับพี่แอนนี่หรือป่าวฮ้าาาาา?” แอร์เพอร์เซอร์แอน  หรือที่น้องๆลูกเรือแอบเรียกกันว่าแอนนี่ผีขนุน อดที่จะหยอดคำพูดทะลึ่งๆไม่ได้ตามประสาแอ๊บแมน
“แหม พี่แอนก็ ผมก็มั่วไปงั้นแหละ ดันถูกหวยซะอีก มีไรให้รับใช้ขอรับ” รอนพูดเล่นกับแอร์เพอร์เซอร์อย่างสนิทสนม เขาบินกับแอนออกบ่อย
“ไม่มีอะไรมากค้าาา จะบอกแค๊ปตั้นสุดหล่อว่า ต้องการเครื่องดื่มอะไรบ้างมั๊ยคะ แก้ง่วงเป็นเชี่ยนๆ” 
“นั่น มาอีกแระคำผวนเนี่ย งั้นผมขอให้น้องแอร์ครัวหน้าเอากาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล ใส่ถ้วยมาอย่างเดียว พี่มนัสเอาอะไรมั๊ยพี่?” รอนหันไปถามมนัสตามมารยาทที่ดี
“พี่ขอชาจีนแล้วกันนะรอน แมนี่แท้งส์ครับ” มนัสขอบคุณในน้ำใจของรุ่นน้อง
“ใช่สิ น้องหลินแอร์ครัวหน้ามันเด็กมันเอ๊าะกว่าพี่แอนชิมิ ถึงได้ไม่อยากให้พี่แอนสุดสวยไปเสิร์ฟถึงตักอะ” 
เพอร์เซอร์ยังไม่หยุดแทะโลมกัปตันรอนสุดหล่อของสายการบินกินรีแอร์
“แหงสิพี่ ถามได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ล้อเล่นหน่ะพี่ ขอบคุณมากๆคร้าบบบ” รอนตัดบทสนทนาเพราะเอทีซี(Air traffic controller)เรียกวิทยุเข้ามาพอดี


0143 น. ( 1843 UTC)

เครื่องบินบินอยู่เหนือทะเลจีนใต้ ฟ้ามืดสนิท เมฆกระจัดกระจายท้องฟ้าแต่ในจอเรดาร์จับอะไรไม่ได้เลย แทบไม่มีเสียงวิทยุที่เครื่องบินลำอื่นพูดออกอากาศเลยในช่วงนี้ รอนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อย ดูเหมือนมนัสจะเงียบไป น่าจะเพลียและง่วงตามวัยที่ใกล้เกษียณ รอนอาสาทำหน้าที่ทั้งบินและพูดวิทยุไปในตัว ปล่อยให้มนัสนั่งงีบบนเก้าอี้นักบินมาได้พักใหญ่

กาแฟทำเหตุ รอนรู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำ เขาเกรงใจพี่มนัส แต่ช่วยไม่ได้แล้ว ห้องน้ำว่างอยู่พอดี
“ พี่มนัสครับ รบกวนนิดนึง ผมปวดฉี่ ขอเข้าห้องน้ำแป๊บครับ ยัวร์คอนโทรล ยัวร์เรดิโอ(Your controls, your radio)” รอนเขย่าหัวไหล่ซ้ายของมนัสเบาๆเพื่อปลุกให้ตื่น
“อ่อ ได้ๆครับ เชิญเลย มายคอนโทรล มายเรดิโอ(My controls, my radio)” มนัสงัวเงียขึ้นมารับทราบตามแบบปฏิบัติการบิน เขาต้องนั่งอยู่ในค๊อกพิทเพียงคนเดียว จึงต้องหยิบหน้ากากอ๊อกซิเจนที่อยู่ในกล่องข้างเก้าอี้ขึ้นมาสวมและรัดสายเข็มขัดที่นั่งรวมทั้งสายรัดไหล่ด้วย เผื่อกรณีฉุกเฉิน

รอนเดินออกไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกค๊อกพิท เครื่องบินมีอาการเขย่าเล็กน้อยตอนที่เดินเข้าห้องน้ำ เขาต้องใช้เวลาในห้องน้ำนานกว่าที่คิดเพราะมันดันปวดท้องขึ้นมาด้วย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว รอนคิดอย่างนั้น นานอีกสักนิดคงไม่เป็นไร พี่มนัสแกก็บินมานานพอสมควร น่าจะรับมือได้อยู่

0153 น. (1853 UTC)

รอนเสร็จภารกิจ เขาออกจากห้องน้ำแล้วเดินไปที่ประตูค๊อกพิท ยื่นมือไปกดรหัสปลดล๊อกประตูค๊อกพิทเพื่อขอเข้าไปทำหน้าที่ต่อ 

ตูมมมมมมม!!!!

ตัวของรอนลอยละลิ่วขึ้นไปบนเพดานอย่างไม่ได้ตั้งตัว ศีรษะกระแทกเข้าไปที่เพดานเคบิน เขาร่วงลงมาเหมือนนกปีกหัก รอนมึนอยู่สักพัก ระลอกสองก็ตามมาในไม่กี่อึดใจ

ตูมมมมมมม!!!!

ตัวของเขาลอยขึ้นไปอย่างแรงอีกครั้ง คราวนี้ศีรษะไม่ไปโขกเพดานเหมือนครั้งแรก แต่ตอนที่หล่นลงมา ขาทั้งสองข้างไขว้กันและหล่นลงมากระแทกพร้อมๆกันอย่างแรง รอนยังมีสติอยู่บ้าง เลือดไหลออกมาจากศีรษะที่แตกเขาพยายามขยับตัว แต่ไม่สามารถขยับขาได้เอง 

“แย่แล้ว “ รอนคิดในใจได้เท่านี้ สติสัมปชัญญะก็ดับวูบลง!!!!


——————————————-


ซีซีหมวกเจ๊ก(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น