11 มกราคม 2558

Survival (Episode Four)

Survival (Episode Four)

0157 น. (1857 UTC)

แก้วที่มีน้ำเปล่าอยู่ค่อนแก้ว หกรดบนตัววิทย์  ไอแพดตัวโปรดที่ถูกเสียบไฟชาร์จอยู่ในขณะที่วิทย์กำลังพยายามงีบหลับลอยละลิ่วขึ้นไปกระแทกชั้นเก็บกระเป๋าเหนือศีรษะแล้วร่วงหล่นลงมาเหมือนเศษกระดาษ

วิทย์ตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ หันไปมองสาวแนนเพื่อนร่วมทางที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอยังดูโอเคอยู่แต่นั่งนิ่งไม่ขยับ 
 “คุณแนน เป็นยังงัยบ้าง โอเคมั๊ยครับ?”
“ ค่ะ เกิดอะไรขึ้นคะ เราจะตายกันมั๊ย?” เสียงของแนนสั่นเครือด้วยความหวาดกลัว
“ทำใจดีๆไว้นะครับ เครื่องบินน่าจะยังปกติอยู่ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเคลียร์แอร์เทอร์บิวเล็นซ์ (Clear Air Turbulence) ที่แรงมาก คุณเจ็บตรงไหนหรือป่าว?”
“ไม่ค่ะ แนนแค่กลัวเท่านั้น ไม่รู้เพื่อนร่วมงานของแนนเป็นงัยบ้างก็ไม่รู้?” 
“ ถ้ารัดเข็มขัดที่นั่งไว้คงไม่เป็นอะไรมากครับ ผมหวังว่าอย่างนั้นนะ” วิทย์พูดให้กำลังใจแนน

สัญญาณรัดเข็มขัดที่นั่งถูกเปิดขึ้นหลังจากนั้นเพียงชั่วอึดใจ แต่ก็ช้าเกินไปสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว แอร์โฮสเตสคนหนึ่งที่ลงไปนั่งอยู่ที่พื้นข้างๆวิทย์พยายามจะลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ผู้โดยสารที่ว่างอยู่ด้วยท่าทางที่เกร็งๆเพราะไม่แน่ใจว่ามันจะเกิดแรงกระแทกขึ้นอีกหรือไม่ วิทย์มองเห็นแววตาที่หวาดกลัวของแอร์คนนั้น ดูท่าจะแย่พอๆกับแนน วิทย์เดาว่าเธอคงจะไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน

เครื่องบินที่สั่นสะท้านและเหวี่ยงไปมาเริ่มจะนิ่ง ผู้โดยสารบางคนส่งเสียงร้องด้วยความกลัว บางคนตะโกนโหวกเหวกร้องขอความช่วยเหลือจากลูกเรือเพราะเพื่อนหรือญาติพี่น้องบาดเจ็บจากแรงกระแทก หลายคนที่น่าจะไม่ได้รัดสายเข็มขัดลอยขึ้นจากที่นั่งไปกระแทกชั้นวางสัมภาระและเพดานห้องผู้โดยสาร แสงไฟในเคบินถูกเปิดขึ้นบางส่วนหลังจากถูกปิดลงเพื่อให้ผู้โดยสารพักผ่อนในยามค่ำคืน ทำให้มองเห็นภาพต่างๆในเคบินชัดเจนขึ้น ข้าวของในชั้นเก็บกระเป๋าเหนือศีรษะหล่นกระจัดกระจายออกมา สัมภาระร่วงหล่นใส่ศีรษะผู้โดยสารที่กำลังหลับไหลจนบาดเจ็บเล็กน้อยไปหลายคน โชคดีตรงที่ส่วนใหญ่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง ไม่มีคนเดินไปมาเหมือนช่วงแรกที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาจากกรุงเทพ


0210 น.( 1910 UTC )

…..
“ Are there anyone being a pilot? Please identify yourself to our cabin crew. มีผู้โดยสารท่านใดเป็นนักบินบ้างค่ะ กรุณาแจ้งต่อพนักงานต้อนรับด้วยค่ะ” เสียงประกาศผ่านระบบกระจายเสียงบนเครื่องบิน(Passenger announcement system) ค่อนข้างตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นมาหลังจากสัญญาณรัดสายเข็มขัดดับลงได้สักพักหนึ่ง

“คุณวิทย์ นักบินเป็นอะไรรึป่าวคะเนี่ย ตายแน่ๆเลย” แนนเริ่มออกอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัด
“ใจเย็นๆครับแนน มันน่าจะไม่ถึงกับไม่มีใครขับเครื่องบินอยู่หรอกนะ ปกติมีนักบินสองคนช่วยกันในค๊อกพิท ถ้าคนใดคนนึงเป็นอะไร อีกคนก็ยังสามารถเอาเครื่องบินลงได้นะครับ” วิทย์พยายามอธิบายให้แนนเข้าใจเพื่อให้เธอคลายความกังวล
“แล้วทำไมเค้าต้องประกาศหานักบินหล่ะคะ หรือว่านักบินบินไม่ได้แล้วทั้งคู่” เธอตั้งข้อสังเกตุขึ้นมา
“ถึงแม้ว่าจะบินไม่ได้ทั้งคู่ ระบบอัตโนมัติ (Autopilot) มันก็ยังคงรักษาท่าทางเครื่องบินเอาไว้ได้ครับ มันน่าจะยังโอเคอยู่นะ “ วิทย์เองชักจะกังวลเหมือนที่แนนสงสัย

สิ้นเสียงประกาศไปเกือบห้านาที ไม่มีใครตอบรับเลยว่าเป็นนักบิน วิทย์เองก็ลังเลที่จะแสดงตัว เขาเองเป็นแค่นักบินเครื่องบินลำเล็กๆที่ยังฝึกอยู่อีกต่างหาก มันจะดีพอสำหรับการควบคุมเครื่องบินลำใหญ่ขนาดนี้เหรอ ถึงแม้จะเป็นฝันสูงสุดของเขา แต่นี่มันเรื่องฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนหลายร้อยนะ จะไหวเหรอ วิทย์เริ่มสับสนตัวเอง

“คุณเป็นนักบินไม่ใช่เหรอคะ ลองบอกเค้ามั๊ย?” แนนจำที่วิทย์เล่าให้ฟังระหว่างทานอาหารก่อนที่จะเริ่มพักผ่อน เธอจำได้ว่าวิทย์บอกว่าอยากเป็นนักบินแอร์ไลนส์แต่ติดที่ต้องช่วยงานของพ่อ

“ผมไม่แน่ใจตัวเองครับว่าจะรับมือได้หรือป่าว เครื่องบินลำนี้แบบนี้ผมเคยเล่นในไฟลท์ซิมอยู่สองสามครั้ง แต่มันซับซ้อนกว่าที่ผมคิดเยอะนะของจริง อีกอย่างนึงอาจจะมีนักบินตัวจริงอยู่บนเครื่องนี้ก้อได้นะ”
“มันคงไม่มีหรอกค่ะ ป่านนี้คงได้ไปแล้ว ถึงจะมีจริงก็อาจจะบาดเจ็บอยู่” แนนพูดเหมือนจะบีบให้วิทย์ลองอาสาตัวเอง

วิทย์หลับตาลงชั่วขณะ เขานึกถึงครูบาอาจารย์ตั้งแต่เด็ก ครูประจำชั้นสมัยมัธยมที่เป็นไอดอลของวิทย์เคยสอนว่า สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เมื่อมีโอกาสควรเสนอตัวอย่างกล้าหาญทำประโยชน์เพื่อคนอื่นบ้าง ไม่แน่ว่ามันอาจจะช่วยชีวิตคนอื่นได้ 

“คุณครับ ผมพอจะช่วยได้มั๊ยครับ ผมกำลังฝึกขับเครื่องบินเล็กอยู่” ในที่สุดวิทย์ตัดสินใจอย่างกล้าหาญที่จะเสนอตัวเองเพื่องานนี้
“โหย ดีใจจังเลย ขอบพระคุณอย่างสูงเลยนะคะ เอ้ย! นะครับท่าน เอ่อรบกวนทราบชื่อด้วยครับ” เพอร์เซอร์แอนละล่ำละลักพูดด้วยความตื่นเต้นที่หานักบินเจอสักคน

วิทย์เดินตามแอร์เพอร์เซอร์แอนจากด้านหลังของเครื่องบินอย่างระมัดระวัง ผ่านกองกระเป๋าระเกะระกะ ผู้โดยสารบางคนยังนอนกุมศีรษะเลือดอาบอยู่บนพื้น ลูกเรือและผู้โดยสารที่ไม่เป็นไรต่างพยายามช่วยกันรักษาพยาบาลคนเจ็บ เขาเดินผ่านที่นั่งในโซนบีซี (Business class) ที่มีที่นั่งว่างอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นก็คือครอบครัวของแหวน เพื่อนของวิทย์เอง คุณพ่อของแหวนน่าจะบาดเจ็บพอสมควร สงสัยว่าจะไม่ได้รัดเข็มขัดที่นั่งตามสไตล์คนแก่หัวดื้อที่ใครจะเตือนก็ไม่ฟัง วิทย์เคยเห็นผู้โดยสารเชื้อสายจีนที่ไม่ยอมรัดเข็มขัดที่นั่งทั้งๆที่แอร์พยายามเตือนแล้วเตือนเล่า เหตุการณ์วันนี้มันพิสูจน์อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับความตระหนักในความปลอดภัยของผู้คนในแต่ละประเทศ

“คุณวิทย์รอซักครู่นะคะ” เพอร์เซอร์แอนหันมาบอกให้วิทย์รออยู่หน้าประตูค๊อกพิทเพื่อติดต่ออินเตอร์โฟน(Cabin Interphone) ขออนุญาตเข้าไปในนั้น

เพอร์เซอร์แอนกดปุ่มรหัสประตูค๊อกพิทเพื่อขอเข้าไป รหัสถูกต้อง ไฟสัญญาณที่หน้าประตูกลายเป็นสีเขียวบอกว่าสามารถผลักเข้าไปได้ 
ทันทีที่ประตูค๊อกพิทถูกเปิดออก  วิทย์เห็นภาพที่ซีเรียสกว่าที่เขาเองคาดคิดไว้ !!!!
——————————————

ซีซีหมวกเจ๊ก(โปรดติดตามตอนต่อไป)


ภาพประกอบจาก www.miriadna.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น