12 มกราคม 2558

Survival (Episode Five)

Survival (Episode Five)

0330 น. (1930 UTC)
โรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้สนามบินเชคแลปก๊อก ฮ่องกง

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง .............
เสียงโทรศัพท์ของโรงแรมปลุกให้ผู้ชายคนหนึ่งตื่นจากภวังค์ในทันที
“ อะไรของแม่งวะ นี่มันยังไม่ถึงเวลาเวคอัพคอลล์ (Wakeup Call) นี่?” ภูมิสบถด่าด้วยความโมโหเมื่อเหลือบไปเห็นเวลาในนาฬิกาปลุกข้างเตียง

“ Good morning sir, I’m so sorry to wake you up before the actual wakeup call. Your ground staff told me that he needs your help right now. (อรุณสวัสดิ์ค่ะท่าน ต้องขออภัยที่ต้องปลุกท่านให้ตื่นก่อนเวลา เจ้าหน้าที่ภาคพื้นของสายการบินของท่านบอกว่าต้องการความช่วยเหลือด่วนจากท่านค่ะ)” เสียงโอเปเรเตอร์พูดโทรศัพท์แบบสำเนียงอังกฤษปนจีนเล็กน้อย

กัปตันภูมิ อายุอานามเกือบห้าสิบปีแล้ว รูปร่างสันทัด ผิวเข้ม ตาคมเหมือนเหยี่ยว ผมดำแซมขาวแบบฝรั่ง อดีตนักบินกองทัพอากาศที่เคยบินเครื่องบินลำเลียงมาก่อนหลายปีก่อนจะลาออกมาเมคมันนี่ เมื่อวานนี้เขาเพิ่งบินลงมาตามตารางบินในตอนเย็นเพื่อที่จะบินกลับไปตอนเช้าตรู่ของวันนี้ ลูกเรือของเขาบินมารออยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวานตอนสายๆ

“ สวัสดีครับกัปตันภูมิ ผมแดนเองครับ รบกวนเวลาพักผ่อนครับ เรื่องด่วนจริงๆ” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ภาคพื้นที่สนามบินเช๊คแล๊ปก๊อกฮ่องกงของกินรีแอร์ส่งเสียงมาตามสายด้วยน้ำเสียงกังวล
“ มีเรื่องอะไรเหรอแดน ซีเรียสเลยเหรอ ผมต้องบินกลับเช้านี้นะ จะไหวเหรอ” ภูมิห่วงเรื่องที่เขาต้องทำหน้าที่บินกลับไฟลท์เช้าตรู่
“เกิดเรื่องแล้วครับ กัปตันคนเดียวครับที่สามารถช่วยได้ในตอนนี้ เครื่องบินของเราที่กำลังบินไปโตเกียว เกิดปัญหาขึ้นครับ นักบินทั้งคู่ไม่สามารถบินได้เพราะบาดเจ็บจากเทอร์บิวเล๊นซ์รุนแรง ผู้โดยสารบาดเจ็บสาหัสสองคน มีบาดเจ็บเล็กน้อยอยู่อีกประมาณสิบห้าคน รวมถึงลูกเรือของเราด้วยครับ” แดนรายงานเหตุการณ์อย่างคร่าวๆให้ภูมิฟัง
“เฮ้ย แล้วนักบินไม่ได้นั่งรัดเข็มขัดอยู่เหรอ บาดเจ็บทั้งคู่เนี่ยนะ” กัปตันภูมิพยายามถามคำถามเพื่อหาความจริง
“นักบินผู้ช่วยรายงานว่ากัปตันขอออกไปเข้าห้องน้ำพอดีในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ครับ เลยบาดเจ็บสาหัส ลูกเรือกำลังช่วยกันปฐมพยาบาลครับ”
“แล้วนักบินผู้ช่วยหล่ะ เราทุกคนถูกฝึกมาให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในกรณี Pilot Incapacitation นี่? เขาน่าจะสามารถนำเครื่องกลับมาลงได้นะ เครื่องบินบินอยู่บริเวณไหนตอนนี้?” Pilot Incapacitation หมายถึงนักบินคนใดคนหนึ่งมีปัญหาทางร่างกายหรือทางจิตใจที่ไม่สามารถทำการบินได้
“เครื่องบินอยู่ห่างจากสนามบินฮ่องกงประมาณสามสิบนาทีทางตะวันออกเฉียงใต้ครับ ปัญหามันหนักกว่านั้นครับกัปตัน คือนักบินผู้ช่วยเองก็บินไม่ได้แล้วตอนนี้ อาการโรคหัวใจกำเริบครับผม ทางเอทีซีฮ่องกงแจ้งผมว่านักบินผู้ช่วยรู้ตัวว่าจะบินไม่ไหวแล้วจึงได้รีบแจ้งก่อนที่จะเงียบไป” แดนเฉลยปัญหาใหญ่ให้ภูมิฟัง
“แล้วผมจะทำอะไรได้อ่ะ เค้ามีนักบินที่ไม่แอคทีฟ (Active) อยู่บนเครื่องมั๊ยครับ?” Active หมายถึงได้รับมอบหมายให้ทำงานอยู่ ณ ปัจจุบัน ถ้าไม่ได้บิน แค่เดินทางไปด้วย เรียกว่า  Passive 
“ไม่มีครับ แต่โชคดีที่มีคนไทยคนนึง เค้าบอกลูกเรือว่าเป็นนักบินฝึกหัดเครื่องบินใบพัดลำเล็กๆที่ออสเตรเลีย เป็นคนที่ตอบวิทยุกลับมาครับว่ากำลังนั่งอยู่ในค๊อกพิท”
“พระเจ้า จะไหวหรือนั่น แต่ก็ยังดีนะยังมีคนพอเข้าใจศัพท์การบิน ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมขอแต่งตัวสิบนาที คุณแดนส่งรถมารับผมเลยนะที่หน้าโรงแรม” กัปตันภูมิรีบตอบรับและสั่งการทันทีตามความคุ้นเคยและหน้าทีที่ทำเป็นประจำ

0350 น. (1950 UTC)

หอบังคับการบิน สนามบินเช็คแล๊ปก๊อก ฮ่องกง

“ Kinny 10 จากฮ่องกง ได้ยินวิทยุแล้วตอบด้วย, Kinny 10 จากฮ่องกง ได้ยินวิทยุแล้วตอบด้วย” กัปตันภูมิเรียกวิทยุขึ้นไปเพื่อพยายามช่วยเหลือ  คำว่า Kinny เป็นคอลล์ไซน์(Callsign) ของสายการบินกินรีแอร์ที่ใช้เรียกขานกันระหว่างเอทีซีกับนักบิน แดนถือแก้วกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลแก้วใหญ่มาให้ภูมิเพื่อแก้ง่วง

“ ครับผม ผมวิทย์ครับ นักบินทั้งคู่บินไม่ได้แล้วครับ กัปตันบาดเจ็บสาหัส นอนอยู่ด้านนอก ส่วนนักบินผู้ช่วยนั่งสลบอยู่ข้างๆผมเนี่ยครับ ผมนั่งอยู่เก้าอี้ซ้ายมือครับ” วิทย์รู้สึกดีขึ้นที่ได้คุยโต้ตอบเป็นภาษาไทยถึงแม้ว่าเขาจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควรก็ตาม ศัพท์การบินหลายคำเขาเองก็ไม่รู้ ถ้าเอทีซีฮ่องกงบอกมาแล้วเขาทำอะไรผิดๆไปคงจะแย่แน่เลย

“ ผมกัปตันภูมินะ เป็นนักบินของกินรีแอร์ เดี๋ยวผมจะช่วยให้คุณวิทย์พาเครื่องบินลงมาจอดที่ฮ่องกงนะครับ สู้มั๊ยคุณวิทย์?” ภูมิดีใจสุดๆที่มีคนตอบวิทยุกลับมาได้ ตอนนี้เอทีซีฮ่องกงบล๊อคคลื่นความถี่ที่กำลังคุยกันอยู่นี้ให้ใช้ระหว่างภูมิกับวิทย์เท่านั้นโดยแจ้งเครื่องบินลำอื่นให้เปลี่ยนไปใช้ความถี่สำรองแทนทุกลำเพื่อมิให้รบกวนการสนทนาที่หมายถึงชีวิตคนเกือบสามร้อยบนเครื่องบิน รวมไปถึงเรดาร์เวคเตอร์เครื่องบินทุกลำให้ห่างจากเครื่องบินของวิทย์ให้มากที่สุดเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น

“กัปตันเรียกผมว่าวิทย์เฉยๆก็ได้ครับ ผมใฝ่ฝันอยากเป็นนักบินอย่างกัปตันมานานแล้วครับ ไม่นึกว่ามันจะเป็นจริงแบบนี้ กัปตันช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ แผงควบคุมกับสวิชท์ต่างๆในค๊อกพิทมันเยอะมากไม่เหมือนในไฟลท์ซิมที่ผมเคยเล่นมาบ้าง กลัวจะหาไม่เจออ่ะครับ” วิทย์ค่อยๆบอกข้อมูลที่ตัวเองรับทราบอยู่ในขณะนี้

“ ไม่เป็นไรครับวิทย์ เรียกผมภูมิเฉยๆก็ได้นะครับ วิทย์รู้มั๊ย คุณกล้าหาญมากนะ ผมนับถือน้ำใจคุณเลย เราจะช่วยกันพาเครื่องบินกลับมาลงให้ได้ นักบินกับผู้โดยสารที่บาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้างครับวิทย์”

“กัปตันศีรษะแตกเลือดไหลค่อนข้างมาก และไม่สามารถขยับตัวได้ครับต้องนอนอยู่บนเก้าอี้บีซีด้านนอก มีลูกเรือช่วยดูแลอยู่ ส่วนพี่โคไพล๊อตนั่งฟุบอยู่บนเก้าอี้หน่ะครับ พอรู้สึกตัวและยังหายใจอยู่ สายรัดเข็มขัดรั้งพี่เค้าไว้ไม่ให้ตัวเค้าบล๊อกคันบังคับครับ ส่วนผู้โดยสารที่บาดเจ็บ พี่เพอร์เซอร์เล่าว่ามีรุนแรงที่สุดคือศีรษะแตกและเจ็บซี่โครงเพราะหล่นลงมาบนพนักพิงครับพี่ภูมิ แต่ยังพอปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันได้” วิทย์ กัปตันจำเป็นในวันนี้รายงานให้ภูมิทราบอย่างละเอียด

“คุณวิทย์บอกให้ลูกเรือช่วยนำพี่โคไพล๊อตออกจากที่นั่งไปปฐมพยาบาลโดยด่วนนะครับ แต่ถ้าเลื่อนออกไปไม่ได้จริงๆ ให้เลื่อนคันบังคับข้างเก้าอี้โคไพล๊อตให้ไปอยู่ตำแหน่ง LOCK นะครับ สายรัดไหล่จะดึงตัวโคไพล๊อตไว้ไม่ให้ตัวโน้มไปบล๊อคคอนโทรลคอลัมน์(Control Column)ได้ แล้วให้ลูกเรือเข้ามาช่วยดูแลนะ” กัปตันภูมิแนะนำไปตามวิธีการปฏิบัติในกรณีดังกล่าว

“รับทราบครับ แล้วให้ผมทำยังงัยต่อครับพี่?” วิทย์ถามต่อ
“ จากจอ Secondary radar ที่หอบังคับการบินเห็นว่าเครื่องบินของเราอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 150 ไมล์ทะเล ถือเข็มบินไปทางตะวันออก Heading 075 ที่ความสูงสามหมื่นเจ็ดพันฟุต วิทย์ลองดูสิครับว่าใช่มั๊ย?
“ ดูตรงไหนครับพี่ภูมิ ใช่ตรงจอแอลซีดีด้านหน้าผมนี่ใช่มั๊ยครับ อ่อ เจอแล้ว ใช่ครับ Heading 076 ความสูงสามหมื่นเจ็ดพัน ผมเห็นแล้วครับ” วิทย์ตาไว้ใช้ได้เลย
“Well done ครับวิทย์ จอแอลซีดีมีสองจอนะครับ จอซ้ายเรียกว่า Multifunction Display หรือเรียกย่อว่า จอ MFD นะครับ มันจะบอกท่าทางปัจจุบันหรือ Attitude บอกความสูงของเครื่องบินที่บริเวณด้านขวาของจอ และบอกความเร็วของเครื่องบินที่บริเวณด้านซ้ายของจอครับ วิทย์ครับตอนนี้ความเร็วเครื่องบินอยู่ที่เท่าไหร่ครับ?” กัปตันภูมิเริ่มแนะนำอย่างต่อเนื่องแบบขั้นแอดว้านซ์เพราะเข้าใจว่าวิทย์มีความรู้การบินพอสมควร

“ เอ่อ อยู่ที่จุดแปดสี่ครับพี่ ใช่มัคนัมเบอร์หรือปล่าวครับ?” วิทย์เดาไปตามความรู้ที่มี 
“ถูกต้องครับวิทย์ เราบินสูง จึงบินโดยวัดความเร็วเป็นมัคหรือความเร็วเสียงครับ เก่งนะ เอาหล่ะ ทีนี้พี่จะอธิบายต่อ จอแอลซีดีด้านขวา เรียกว่า Navigation Display หรือ ND มันจะบอกทิศทางของเครื่องบินและสามารถเห็นเส้นทางบินที่เราป้อนให้มันตั้งแต่ก่อนเครื่องบินขึ้นครับ Heading 076 ใช่มั๊ยครับที่วิทย์เห็น” ภูมิถามเพื่อยืนยัน

“ใช่ครับกัปตัน ดูจากแผนที่บนจอND นี่ผมเห็นว่าสนามบินVHHH มันเลยไปแล้วใช่มั๊ยครับ VHHH นี่ใช่ฮ่องกงหรือป่าวพี่?” วิทย์คุ้นๆอยู่
“ถูกต้องครับวิทย์ เราต้องเลี้ยวกลับมาลงพร้อมกับลดระยะสูงโดยด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและรักษาขีวิตทุกคนเอาไว้ พร้อมมั๊ยวิทย์?” ภูมิเริ่มจริงจังกับคำสั่งต่อจากนี้ไป
“ ครับพี่ภูมิ ผมจะพยายามครับ ผมไม่ค่อยได้ยินที่พี่พูดเท่าไหร่ครับ ทำยังงัยดี?”
“เร่งโวลุ่มที่แผงควบคุมวิทยุที่อยู่ตรงคอนโซลกลางด้านล่างระหว่างเก้าอี้นักบินทั้งสองตัวนะครับ ตรงตำแหน่ง VHF1 มีปุ่มปรับความดังของวิทยุอยู่ด้านล่างของสวิตช์ หมุนปุ่มไปทางขวามันจะดังขึ้น แล้ววิทย์เอา Boomset  ที่แขวนอยู่ด้านข้างเก้าอี้มาสวมหูนะครับ จะได้ช่วยให้ได้ยินชัดขึ้น ฟังเสียงจากลำโพงในค๊อกพิทมันจะมีเสียงรบกวนเยอะ แล้วพี่ขอให้วิทย์เปลี่ยนการพูดวิทยุจากการใช้แฮนด์ไมโครโฟน (Hand Microphone) มาเป็นพูดจากไมโครโฟนบน Boomset แทนนะ เวลากดพูดให้กดสวิตช์ที่อยู่บนคอนโทรลคอลัมน์ด้านหน้าเรา สวิตช์มันหลบอยู่ด้านหลังของคอนโทรลคอลัมน์ มันอยู่ทางซ้าย ลองหาสิครับ เจอมั๊ย แต่ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็นไร ใช้ฟังจาก Boomset  แต่พูดวิทยุผ่านแฮนด์ไมค์ก็ได้ ” กัปตันภูมิจินตนาการภาพตามไปเรื่อยๆเพื่อแนะนำวิทย์

“เจอแล้วครับกัปตัน ผมลองส่งดูนะ Radio check, how do you read me?” วิทย์พอพูด Radio phraseology ได้บ้าง
“ I read you five ครับ เยี่ยมเลยวิทย์ เอาหล่ะ ทีนี้เราจะเลี้ยวกลับนะครับ วิทย์เห็นแผงควบคุมการบินบน Glareshield ด้านหน้ามั๊ยครับ ที่มีปุ่มอยู่หลายๆปุ่ม เห็นที่เขียนว่า Heading select มั๊ยครับ?” Glareshield หมายถึงบริเวณแผงวงจรด้านหน้าที่อยู่ในระดับสายตานักบิน ซึงจะมีปุ่มควบคุมการบินติดตั้งอยู่
“เจอแล้วครับพี่ ทำยังงัยต่อครับ?” วิทย์เริ่มคุ้นเคยกับเครื่องบินทีละนิด
“กดปุ่มนั้นลงไป ให้เห็นว่าด้านบนของหน้าจอ MFD ที่จะมีตัวหนังสือบอกว่าเครื่องบินอยู่ใน Mode ไหนในการบินทั้งในแกนตั้ง แกนนอน และ Mode ของระบบควบคุมเครื่องยนต์อัตโนมัติ  ตัวหนังสือที่แสดงให้เห็น Modeในแกนนอนจะเปลี่ยนจากคำว่า LNAV เป็น HDG SEL เห็นมั๊ยครับ ลองดูนะ”
“ครับ กดแล้ว จอ MFD เปลี่ยนเป็น HDG SEL แล้วครับ ยังงัยต่อ?” วิทย์หัวไวกว่าที่ภูมิคิดมาก
“เยี่ยมเลย ทีนี้น้องหมุนปุ่มที่กดเมื่อกี้ไปทางซ้าย Heading 270 ครับ เราจะเลี้ยวกลับมาที่สนามบินกันนะ” 
“ โอเคครับ Heading 270 เครื่องเริ่มเลี้ยวแล้วครับพี่ภูมิ” วิทย์รู้สึกภูมิใจที่ทำสำเร็จ
“ ดีมากครับวิทย์ สุดยอดเลยน้อง ทีนี้วิทย์มองหาปุ่มบนGlareshield อีกที ปุ่มติดกับ Heading select เมื่อกี้อ่ะ เห็นปุ่ม ALTITUDE มั๊ยครับ มันคือปุ่มหมุนเพื่อตั้งค่าความสูงที่ต้องการจะบินนะครับ วิทย์หมุนมันไปที่ความสูง 10000 เลยครับ เจอมั๊ย?” 
 “ Altiude เจอแล้วครับ  ผมหมุนไปที่ 10000 แล้ว ไม่เห็นมันลงเลยพี่ “ วิทย์สงสัยทำไม่มันไม่ลดระยะสูง
“ ใจเย็นครับ วิทย์มองหาปุ่ม LVL CHG บนแผงควบคุมเดิมนะ ปุ่มมันอยู่เยื้องมาด้านซ้าย เห็นมั๊ยครับ กดปุ่มนั้นเลยครับ เครื่องจะเริ่มลดระยะสูงเอง วิทย์จะเห็นว่าทรัสต์ลีเวอร์ (Thrust Lever) ทั้งสองอันที่อยู่คอนโซลตรงกลางมันจะถอยลงมาช้าๆเอง เครื่องยนต์จะผ่อนลงมาเพื่อให้เครื่องบินลดระดับนะครับ เห็นมั๊ย?”
“ โอเคแล้วครับพี่ เครื่องบินลดความสูงแล้ว สุดยอดเลยอ่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” วิทย์เผลอดีใจออกมาทั้งๆที่เพิ่งเริ่มต้นมหากาพย์เอง หูของเขาเริ่มอื้อเพราะความกดอากาศในเครื่องเริ่มเปลี่ยนแปลง และเป็นเพราะวิทย์มีอาการภูมิแพ้อยู่แล้ว เขาจึงเซ้นซิทิฟกับความเปลี่ยนแปลงความกดอากาศอย่างมาก 

“ ดีมากครับวิทย์ ทีนี้ลองมองออกไปด้านหน้านะ พี่หมายถึงนอกเครื่อง มองเห็นเมฆบ้างมั๊ย เอทีซี(Air traffic controller) รายงานว่ามีเมฆคิวมูโลนิมบัส (Cumulonimbus) ลูกใหญ่อยู่ในบริเวณที่วิทย์กำลังจะบินผ่าน มันอาจจะมีฟ้าแล่บฟ้าผ่าให้เห็นเลยนะในตอนกลางคืน “ กัปตันภูมิรีบแจ้งให้วิทย์รู้ทันทีที่เอทีซีฮ่องกงเดินมาบอกถึงอันตรายที่อาจจะมีผลต่อการบิน

ยังไม่ทันที่วิทย์จะได้มองออกไป เครื่องบินเริ่มสั่นสะท้านอย่างแรงอีกครั้ง แสงไฟวาบเหมือนฟ้าแล่บเกิดขึ้นบนกระจกหน้าของเครื่องบิน เสียงเหมือนเม็ดอะไรที่มีขนาดเล็กหลายๆเม็ดวิ่งมาชนกระจกอย่างต่อเนื่องจนอื้ออึงไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นอีก!!!

@——————————————@

ซีซีหมวกเจ๊ก(โปรดติดตามตอนต่อไป)


ภาพประกอบจาก  www.truthbeforedishonor.wordpress.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น