7 มกราคม 2558

Survival (Episode two)

Survival (Episode two)

เสียงเพลงร๊อคบัลลาดเร้าวิญญาณจากสมาร์ทโฟนตัวเล็กๆหลุดลอดออกมาจากหูฟังราคาแพงเอาการ หญิงวัยกลางคนที่นั่งข้างวิทย์บนรถเวียนรับส่งผู้โดยสาร(Shuttle Bus) ที่วิ่งจากลานจอดรถมาที่สนามบินค้อนปะหลั่กปะเหลือกให้ชายหนุ่มเป็นพักๆ

วิทย์ ชายหนุ่มรูปงามวัยยี่สิบสองปี ผิวสีแทน ตัดผมสั้นเกรียน สูงเกือบเมตรแปดสิบเซ็นต์ แต่งตัวดีกว่าทุกวัน เพราะวันนี้จะต้องขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่น เขาตั้งใจที่จะไปเดินเล่นเตร็ดเตร่ชมเมืองโตเกียว โดยเฉพาะ
ย่านอากิฮาบาระที่วิทย์เคยไปมาครั้งนึงตั้งแต่สมัยที่เขาได้ทุนของเอเอฟเอสตอนอยู่มัธยมปลาย

“ถึงเทอร์มินอลสองแล้วครับ ก่อนลงจากรถกรุณาตรวจดูของใช้ส่วนตัวของท่านด้วยนะครับ” เสียงคนขับรถเวียนเตือนให้ผู้โดยสารของเขาระวังของส่วนตัวร่วงหล่นบนรถ

วิทย์เดินอาดๆเข้าไปในอาคารผู้โดยสาร มองกวาดสายตาหาเคาน์เตอร์เช๊คอินของสายการบินกินรีแอร์ มองหาไม่ยากเท่าไหร่ 
“กินรีแอร์สวัสดีค่ะ วันนี้เดินทางไปไหนค่ะท่าน” สาวใหญ่พนักงานเช็คอินสอบถามวิทย์ตามฟอร์แมท
“ไปโตเกียวครับ ไฟลท์ห้าทุ่มครึ่ง”
“ ได้ค่ะ รบกวนขอพาสปอร์ตด้วยนะคะ มีกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องมั๊ยคะ”
“ไม่มีครับ” วิทย์ตอบอย่างรวดเร็ว เขาเป็นอย่างนี้มานานแล้ว เสื้อผ้าชุดเดียวเที่ยวรอบโลก ถ้าไม่พอไปหาซื้อเอาดาบหน้า

“บอร์ดดิ้งพาสกับพาสปอร์ตของท่านค่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการของกินรีแอร์นะคะ” พนักงานเช็คอินยกมือไหว้ขอบคุณผู้มีอุปการคุณตามธรรมเนียมปฏิบัติ

วิทย์มองดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ เหลือเวลาอีกไม่มาก คงต้องรีบเข้าไปผ่านตรวจพาสปอร์ตและด่านศุลกากรแล้วในตอนนี้ คิวเริ่มยาวเพราะช่วงนี้มีหลายเที่ยวบินออกเดินทางพร้อมๆกัน 

ผ่านตรวจเอกสารตม.มาได้แล้ว เขาเดินผ่านด่านตรวจของศุลกากรหรือที่เรียกกันสั้นๆว่าคัสตอม(Custom) วิทย์ถอดเข็มขัดหัวโลหะกับไอแพดวางลงบนกระบะใส่ของแล้ววางมันลงบนสายพานตรวจกระเป๋าอย่างคุ้นเคย ขี้เกียจให้เครื่องตรวจมันร้องเพราะเสียเวลามากกว่าถ้าจะต้องตรวจอย่างละเอียดอีก 

2245 น. (1545 UTC)

วิทย์เดินขึ้นเครื่องบินเป็นคนท้ายๆ เขาขี้เกียจไปยืนรอคิวเดินเข้า ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปก่อนเพราะมีกระเป๋าใบเล็กๆแค่ใบเดียวคงหาที่เก็บได้ไม่ยาก เขาสอดสายตามองหาไปรอบๆบริเวณหน้าประตูเข้าเครื่อง เผื่อจะเจอใครที่รู้จักบ้าง

“เฮ้ยแก หนีเที่ยวเหรอ” เสียงแหลมเปี๊ยวแหวกอากาศมาเข้าหูด้านขวาของวิทย์ รู้สึกคุ้นเคยมากๆ หันไปมองเจ้าของเสียง 
“อ้าว นังแหวน นึกว่าใคร มาคนเดียวเหรอวะ” วิทย์ทักทายอย่างสนิทสนม ที่แท้ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาล้ยนั่นเอง 
“นั่งซีทอะไรหละแก ชั้น14B มากะป๋ากะแม่อ่ะ แกหล่ะ” แหวนถามเผื่อว่าจะได้นั่งใกล้ๆกัน จะได้มีเพื่อนคุย
 “ 50J อ่ะ ซื้ออีโคโนมี่มา แลกกันปะแหวน “
“อีบ้า เรื่องอะไรหล่ะยะ แล้วเศรษฐีอย่างแกทำไมถึงไม่ซื้อตั๋วบีซีนั่งหละ ประหลาดแท้” แหวนแกล้งแซววิทย์เล่น เพราะรู้ว่าวิทย์เองไม่ได้สนใจเรื่องความสบายอะไรเท่าไหร่ จำได้ว่าวิทย์ชอบอะไรที่ติดดินไม่เรื่องมาก เป็นอย่างนี้ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว

วิทย์หัวเราะในลำคอตามสไตล์ของตัวเอง หันไปมองหาคุณพ่อกับคุณแม่ของเพื่อนสาวว่าอยู่ไหน เผื่อจะเข้าไปทักทายตามมารยาท 
“ป๋ากับแม่เข้าไปแล้ว ไม่ต้องหาหรอก ว่าแต่แกเหอะ ไหนว่าไปเรียนบินอยู่ จบแล้วเหรอแก”
“ยังเลยว่ะ ขอลามาสามสี่วัน ช่วงนี้เบื่อๆเซ็งๆ เลยขอพักก่อน” วิทย์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ความใฝ่ฝันของวิทย์ตั้งแต่วัยเด็กคือได้เป็นนักบินแอร์ไลนส์ลำใหญ่ๆ เครื่องบินพาณิชย์ทุกแบบในประเทศ วิทย์รู้จักดี จำได้หมดว่ามีกี่เครื่องยนต์ ใช้เครื่องยนต์รุ่นอะไร ความเร็วสูงสุดเท่าไหร่ มีกี่ที่นั่ง ต่างกันอย่างไร พอจบมหาวิทยาลัยกะว่าจะลองไปสอบชิงทุนนักบินฝึกหัดของหลายสายการบินในประเทศ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะพ่อกับแม่ขอให้ช่วยงานที่บ้านก่อน พ่อของวิทย์มีธุรกิจนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตรอยู่ที่ออสเตรเลีย เลยส่งวิทย์ไปช่วยดูแล เขาเลยถือโอกาสสมัครเรียนการบินแบบที่เรียกว่า Private Pilot License ไปด้วย พอช่วยบำบัดอาการลงแดงอยากเป็นนักบินไปได้นิดนึง


2335 น. ( 1635 UTC )

“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าจะรบกวนมั๊ย ขอให้กัปตันช่วยกรุณากรอกชื่อเครื่องบิน แบบเครื่อง กับระยะทางบินวันนี้ให้ผมหน่อยครับ” วิทย์ยื่นสมุดเล่มเล็กๆที่เขาเก็บสะสมประวัติการบินของเขาเองตั้งแต่ยังเด็กให้กับแอร์สาวที่เดินผ่านมาพอดี
“ได้ค่ะท่าน แต่ขอเวลานิดนึงนะคะ พอเครื่องบินขึ้นแล้วสักพัก เดี๊ยนจะนำสมุดมาคืนให้ค่ะ “ พนักงานต้อนรับต้อนรับบนเครื่องบินหน้าแฉล้มปากแดงแจ๊ดรับสมุดพกเล่มเล็กของวิทย์ไปตามคำร้องขอ

ประตูเครื่องบินปิดลง เครื่องบินถอยหลังออกจากแอโร่บริดจ์(Aerobridge) เสียงเครื่องยนต์ทั้งสองเครื่องติดขึ้นมารบกวนความสงบเล็กน้อย พนักงานต้อนรับบนเครื่องประกาศต้อนรับผุ้โดยสารเหมือนปกติ วันนี้เครื่องบินออกเดินทางช้าไปสิบนาที เพราะรอผู้โดยสารที่ต่อเครื่องจากที่อื่นสามคน จอวิดิทัศน์ส่วนตัวบนเครื่องเปลี่ยนจากจอมืดๆเป็นวิดิโอสาธิตในกรณีฉุกเฉิน วิทย์ตั้งใจดูเหมือนทุกครั้งเพราะรู้ดีว่าเวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาจริง เขาจะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่จะไม่ตื่นตระหนกและเอาตัวรอดได้ ที่นั่งของวิทย์อยู่ริมทางเดินบริเวณโซนท้ายๆของอีโคโนมี่ เขาเลือกที่นั่งตรงนี้เพราะเคยอ่านในเว็บไซด์ว่าโอกาสรอดเมื่อเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุจะสูงกว่าหากนั่งท้ายๆเครื่อง และตัววิทย์เองไม่เมาเครื่องบินหากต้องนั่งท้ายเครื่องที่มีโอกาสส่ายได้มากกว่าบริเวณอื่น

“คิวยาวเชียว” วิทย์รำพึงรำพันเมื่อมองไปทางหน้าต่างเห็นคิวเครื่องบินรอวิ่งขึ้นอยู่หลายลำ เขาเดาได้ว่าอย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าสิบห้านาทีกว่าวิ่งขึ้นได้ กัปตันประกาศเสียงดังฟังชัดว่ามีเครื่องบินรอวิ่งขึ้นและลงจอดหลายลำ อาจจะต้องรออย่างน้อยสิบห้านาที

“ใช้ได้เลยเรา เดาแม่น” วิทย์คิดในใจพลางชูกำปั้นเล็กน้อยเพื่อชมเชยตัวเอง เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะอาการภูมิแพ้อากาศที่ทำให้หายใจไม่สะดวก วิทย์หยิบทิชชู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาเช็ดน้ำมูกเป็นพักๆ

“เป็นหวัดเหรอคะ แย่หน่อยนะ” สาววัยไล่เลี่ยกับวิทย์ที่นั่งติดกันเอ่ยทักทายอย่างกันเอง หน้าตาดีซะด้วย
“ภูมิแพ้อะครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้รำคาญ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เข้าใจดี แนนเองก็เป็นเหมือนกัน แต่ช่วงนี้ออกกำลังกายต่อเนื่องกับทานวิตามินซีตลอด ช่วยได้เยอะนะคะคุณ” ไม่ต้องถามชื่อเลย บอกเสร็จสรรพ
“ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำครับผม ผมวิทย์ครับ ไปเที่ยวเหรอครับ” วิทย์โยนคำถามใส่สาวสวย
“ ฮ่าฮ่าฮ่า หลายครับจังเลยนะคะ ป่าวไปเที่ยว แนนไปประชุมค่ะ มากับเพื่อนร่วมงานแต่ไม่ได้นั่งด้วยกัน” 
“ อ่อ ครับผม ประชุมอะไรเหรอ ถามได้มั๊ยครับ”  วิทย์ถือวิสาสะด้วยความอยากรู้อยากเห็น ยังไม่วายพูดหลายครับ
“ ประชุมวิชาการของมหาวิทยาลัยค่ะ แนนเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยที่แนนจบมา เพิ่งเป็นได้ปีเดียวเอง”
“ งั้นเราคงอายุไล่เรี่ยกันนะครับ ดีจัง วันนี้มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันคุยด้วย ถ้าคุณแนนไม่รังเกียจนะ” วิทย์พูดดักคอสาวสวยเอาไว้ก่อนเลย
“ ไม่หรอกค่ะ แต่กลัวว่าพอเครื่องขึ้นแล้วคุณวิทย์จะหลับซะมากกว่านิ” แนนเอ่ยปากแบบเกรงใจที่จะชวนคุยกัน
“ นั่นสิครับ จริงด้วย นี่ก้อเกือบเที่ยงคืนแล้วเนาะ” เขาลืมนึกไปว่า แนนเองคงอยากจะนอนพักผ่อนมากกว่า 

เครื่องบินเคลื่อนที่มาจนตั้งตัวเตรียมวิ่งขึ้น เสียงปิ๊งป่องดังขึ้นมาหนึ่งครั้ง แอร์ประกาศเตรียมตัวสำหรับวิ่งขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ “Cabin crew prepare for takeoff” พนักงานต้อนรับกุลีกุจอวิ่งกลับไปนั่งประจำที่นั่งของตัวเอง วันนี้อุณหภูมิในเครื่องบินมันเย็นยังงัยชอบกล วิทย์รู้สึกอย่างนั้น หรือว่าเค้าเองจะเริ่มป่วยนะ

เสียงเครื่องยนต์คำรามดังสนั่น วิทย์กระชับเข็มขัดที่นั่งอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ตัวเครื่องบินสั่นสะท้านในระหว่างออกเคลื่อนที่อย่างช้าๆ บางครั้งมีอาการส่ายไปซ้ายขวาบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ จนค่อยๆลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า 

“สักวันเราต้องเป็นคนเอาเครื่องบินลำใหญ่ๆขึ้นด้วยตัวเอง สักวันนึง” วิทย์คิดในใจอยู่คนเดียว

ทันใดนั้นเอง เครื่องบินเกิดอาการสั่นอย่างแรง วิทย์รู้สึกได้ว่า มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน!!!

——————————————-



ซีซีหมวกเจ๊ก(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น