KM
ครั้งยังเป็นเด็ก บ้านผมอยู่แถวดอนเมือง บ่อยครั้งที่ผมยืนแหงนคอตั้งบ่ามองดูท้องฟ้า เห็นเครื่องบินลำใหญ่บินอยู่เหนือศีรษะ มันช่างดูงดงามและยิ่งใหญ่ ไม่เคยคิดฝันว่าวันนึงจะได้เป็นคนขับมันบินทะยานขึ้นฟ้า ยิ่งเป็นวินาทีที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดในเครื่องบินเป็นครั้งแรก ยิ่งเป็นอะไรที่ฟินสุดๆครับ
เรื่องราวของนักบินที่ต้องดูแลรับผิดชอบความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือ มีให้เล่ามากมาย ตั้งแต่ผมเริ่มบินมาตั้งแต่ปีพศ.2538 จนถึงวันนี้ ผมใช้ชีวิตอยู่บนท้องฟ้าไปเกือบหนึ่งหมื่นสามพันชั่วโมง หรือราวๆ540วัน ทำงานร่วมกับนักบินและลูกเรือที่วนเวียนเปลี่ยนหน้ามาตลอด ปรับตัวเข้ากับคนและสิ่งแวดล้อม รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่หลายครั้ง สิ่งเหล่านี้กลายเป็นทุนชีวิตที่ทำให้ตัวเรามีคุณค่าต่อองค์กรที่เราถูกว่าจ้าง
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เมืองไทยฮิตกับคำว่าเคเอ็ม หรือ Knowledge management ในองค์กรของผมเองก็ไม่น้อยหน้า ทุกหน่วยงานในองค์กรต้องจัดทำการรวบรวมเคเอ็มเพื่อใช้เป็นฐานความรู้ในการพัฒนาองค์กร เก็บรักษาความรู้ที่สร้างองค์กรขึ้นมาเอาไว้เพื่อให้พนักงานรุ่นหลังได้ศึกษา ประยุกต์ใช้งาน และพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยสูงสุด ในฝ่ายนักบิน หัวหน้านักบินแต่ละฟลีทได้กระตุ้นให้นักบินเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและรวบรวมเคเอ็มเอาไว้ ทุกคนที่เข้าร่วมในกิจกรรมนี้ต่างได้แสดงความเห็นอย่างมากมายและสนุกสนาน หลายเรื่องที่แต่ละคนมีอยู่มันช่างน่าพิศวงอย่างยิ่ง ในองค์ความรู้ที่ตายตัวและอ้างอิงถึงแต่ตำราและหนังสือ ก็ยังคงมีความรู้เพิ่มเติมที่งอกงามและงอกเงยออกมาจากการลงมือทำจริง นักบินที่มีชั่วโมงบินมากก็จะมีอะไรมาเล่าสู่กันฟังมากขึ้น ถือเป็นคลังความรู้ที่มีค่าอย่างยิ่ง ในตอนนั้นเราได้เก็บรวบรวมเคเอ็มเหล่านี้เอาไว้โดยคาดหวังว่านักบินรุ่นหลังจะได้ใช้ศึกษาและปรับปรุงให้การทำงานดียิ่งๆขึ้นไป
กัปตันอาวุโสหลายท่านได้ผลัดกันขึ้นมาพูดเพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ดีๆมาเล่าสู่กันฟัง ความรู้ที่ได้จากการที่เคยทำผิดพลาดมาก่อนกลายเป็นบรมครูให้นักบินรุ่นหลังได้เดินตามและไม่ผิดพลาดซ้ำเดิมอีกเหมือนรุ่นก่อน
แต่อนิจจา ความรู้เหล่านั้นที่เก็บมา ในปัจจุบันไม่ได้ถูกนำมาต่อยอดอีกแล้ว เคเอ็มฟีเวอร์ได้ล้มหายตายจากไปพร้อมกับนักบินรุ่นพี่ที่เกษียณหรือหยุดบินไป ผมรู้สึกเสียดายองค์ความรู้เหล่านี้เป็นอย่างมาก หลายเรื่องยังคงทันสมัยและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
จึงอยากจะสนับสนุนและเชียร์ให้นักบินรุ่นพี่ๆได้ลองหยิบปากกาขึ้นมาขีดเขียนเรื่องราวการบินของตนเอาไว้ให้เยอะๆ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อนักบินรุ่นน้องและผู้สนใจการบิน เหมือนอย่างที่ผมได้ทำอยูในตอนนี้ ไม่แน่นะครับ เรื่องราวของท่านที่โลดโผนโจนทะยานอยู่บนท้องฟ้า มันอาจจะช่วยชีวิตคนได้หลายร้อยคนก็เป็นได้
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับผม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น