30 พฤษภาคม 2558

Introduction to pilot(3)

Introduction to pilot(3)

ผ่านการสอบออรัลเทสต์(Oral test)ไปได้แบบเฉียดฉิว ก็ถึงเวลาฝึกทำหน้าที่บนเครื่องบินจริงกันแล้วครับ ตื่นเต้นระทึกใจเพราะไม่เคยมาก่อน ผมต้องฝึกทำหน้าที่เป็นซิสเต็มโอเปอเรเตอร์หรือที่เรียกย่อๆว่าเอสโอ โดยมีครูฝึกที่ทำหน้าที่เป็นเอสโอตัวจริงไปด้วยและฝึกผมให้ทำงานไปด้วย ครูฝึกท่านเป็นโคไพล๊อตซึ่งสามารถทำหน้าที่เอสโอได้ด้วย เวลาไปฝึกบินมีนักบินสี่ถึงห้าคนนั่งกันอยู่ในค๊อกพิทของเครื่องบินแบบ A300B4 หรือเรียกสั้นๆว่าบีโฟร์ กัปตันนั่งเก้าอี้ซ้าย โคไพล๊อตนั่งขวา เทรนนีอย่างผมนั่งเฝ้าแผงเครื่องวัดอยู่ด้านหลัง โดยมีครูฝึกเอสโอนั่งประกบผมไปด้วยอีกคน บางไฟลท์บินก็อาจมีเพื่อนที่เป็นเทรนนีเหมือนกันบินไปด้วย สลับกันฝึก เป็นที่ครึกครื้นและมึนงงอย่างนี้อยู่หลายเดือน

การฝึกดังกล่าวจะเป็นลักษณะแบบที่เรียกว่า On the job training คือฝึกทำหน้าที่ในเที่ยวบินจริง ความเครียดของเทรนนีอย่างกระผมก็คือ ต้องฝึกฝนและทำให้เที่ยวบินไม่ถูกกระทบเพราะความผิดพลาดของผมเอง ครูฝึกเอสโอต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำให้พวกกระผมทำงานรูทีน (Routine) ให้ได้ในเวลาและไหลลื่นไปกับงานของกัปตันและโคไพล๊อต แต่ก็อย่างว่าแหละครับ น้องใหม่ใสปิ๊ง การทำอะไรผิดพลาดเงอะงะมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องฝึกอยู่หลายเที่ยวบินหน่อย 

ช่วงเวลาที่ฝึกทำหน้าที่เป็นเอสโอเป็นอะไรที่สนุกปนเครียด ตอนฝึกทำหน้าที่แรกๆ รู้สึกได้ว่าเวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เที่ยวบินแรกที่ผมไปบินก็คือเที่ยวบินไปประเทศบรูไน  ผมไปกับเพื่อนอีกคนด้วย ครูเอสโอของผมในวันนั้นคือครูต๊ะ นพดล นาคะมาลัย อดีตนักบินเอฟสิบหกแห่งกองทัพอากาศไทย เนื่องจากเที่ยวบินแรกนี้มีชั่วโมงบินที่ยาวพอสมควร จึงไม่ค่อยจะเครียดเท่าไหร่ ครูเอสโอของผมท่านก็สุดแสนจะใจดี คอยแนะนำและให้กำลังใจไปตลอดทาง ผมแทบไม่ได้มองดูว่ากัปตันและโคไพล๊อตทำอะไรเลยเพราะมัวแต่ห่วงงานของตัวเองว่าจะไม่ดีพอ

เส้นทางบินของเครื่องแบบบีโฟร์ส่วนใหญ่จะบินภายในประเทศ สนามบินที่บินไปเป็นสนามบินใหญ่ๆเช่น เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ ภูเก็ต ต่างประเทศก็ไปไม่ไกลมากเช่น สิงคโปร์ บรูไน เกาชุง(ไต้หวัน) เป็นต้น ตารางบินส่วนใหญ่ไปสองสามวันแบบที่เราเรียกว่า"บินเป็นพวง" เช่นวันแรกบินสามแลนดิ้ง(Landing)ไปนอนเล่นเชียงราย วันที่สองบินไปนอนดมหมอนที่สิงคโปร์ วันที่สามตื่นแต่เช้าบินกลับกรุงเทพ อะไรทำนองนี้ บางพวงก็แบบว่าบินไปอยู่หลายวันแล้วบินซอยอยู่แถวๆนั้น เช่นไปนอนค้างภูเก็ตสามวันสองคืน ความสนุกมันอยู่ตรงที่ไปบินค้างต่างจังหวัดนี่แหละ นักบินสี่คนเป็นอย่างน้อยกับลูกเรืออีกหลายชีวิตก็จะรวมตัวกันออกไปหาอะไรอร่อยๆทานกัน เทรนนีอย่างพวกผมต้องเจี๋ยมเจี้ยมนั่งสงบเสงี่ยมคอยบริการพี่ๆนักบิน ได้ฝึกทักษะการเป็นจูเนียร์ที่ต้องคอยดูแลอาหารการกินและน้ำท่าไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ทหารเก่าอย่างผมสบายอยู่แล้ว ตอนทำงานอยู่ที่กรมสรรพาวุธก่อนลาออกมาก็ทำออกบ่อย รินเหล้าเติมน้ำแข็ง ทำหน้าที่กกต.(ใกล้กระติก)อย่างขยันขันแข็ง ข้อดีของการเป็นน้องเล็กในไฟลท์บินก็คือ กินฟรีมีเกียรติครับผม ครูการบินหรือกัปตันก็มักจะเหมาจ่ายค่าอาหารการกินทั้งหมดหรืออาจจะออกเงินเยอะหน่อย มันเป็นเหมือนวัฒนธรรมองค์กรของนักบินอย่างเราครับ 

ระหว่างที่ฝึกทำหน้าที่เอสโอ พวกกระผมก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมของฟลีทที่มีกัปตันอนิวรรต ท้วมเริงรมย์เป็นผู้ชักชวน พวกเราเรียกท่านว่าครูท้วม ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี สูงสง่า น้ำเสียงกังวาลและมีพลัง ท่านเป็นรุ่นพี่ของผมที่โรงเรียนนายเรืออากาศ ตำแหน่งของท่านในตอนนั้นคือหัวหน้านักบินเครื่องบินแบบเอบีโฟร์ ท่านชอบทำกิจกรรมสนุกๆ จึงมักจะชวนพวกเราให้ทำด้วย เด็กใหม่อย่างพวกผมกลายเป็นกำลังหลักในการทำกิจกรรมและสังสรรค์ต่างๆ ผมเคยแม้กระทั่งรำกลองยาวกับสาวๆแอร์โฮสเตสที่ครูท้วมชักชวนมาทำกิจกรรมแสดงโชว์ในงานเลี้ยงนักบินและงานเลี้ยงของฝ่ายบินหลายงาน ยังงงอยู่ทุกวันนี้ว่าทำไปได้อย่างไร

กัปตันอีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นครูของผมเหมือนกัน ครูสันติ สิทธินันทน์ อดีตนักบินรบจากกองทัพเรือไทย ท่านมีพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ครูท้วมท่านขอให้ครูสันติแต่งเพลงของฟลีทเอบีโฟร์ให้พวกเราร้องกัน จำได้อยู่ท่อนหนึ่ง ติดปากติดสมองมาทุกวันนี้ครับ 

“ เอบีโฟร์ แอนติคเบิร์ด เอบีโฟร์ เบสิคอินสตรูเม้นท์ เอบีโฟร์ โฟร์แลนดิ้งอะเดย์....” 

ทุกงานที่เอบีโฟร์จัดหรือเข้าร่วม เราต้องไปร้องเพลงนี้กันทุกครั้ง ขึ้นเวทีไปกันเป็นสิบๆคน ร้องเพลงบนเวทีกันอย่างสนุกสนาน ครูท้วมสอนผมเสมอว่าเรื่องการบินเป็นอะไรที่เรียนรู้ไปได้สักพักก็มีความสามารถพอกันทุกคน แต่การทำกิจกรรมให้กับสังคมก็ต้องไม่ขาด เราอยู่ตามลำพังไม่ได้ เราต้องมีสังคม ต้องเสียสละเวลาและทุนทรัพย์ส่วนตัวบ้างเพื่อสังคมที่เราอยู่ คำสอนของครูท้วมยังก้องอยู่ในใจผมทุกวันนี้ครับ

ช่วงเวลาที่เป็นเทรนนีที่ฟลีทเอบีโฟร์สนุกมาก เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่กี่เดือนผมก็ผ่านการฝึก ได้รับการติดสองขีดที่บ่าทั้งสองข้าง โดยครูสาโรช อิงสา หัวหน้าครูการบินของฟลีทเอบีโฟร์ท่านติดขีดให้ผมในค๊อกพิทเลย นักบินที่ได้รับการติดขีดเพิ่มบนบ่าก็เหมือนกับการประดับยศของทหารเลยครับ  จากนี้ต่อไปเป็นเวลาทำงานจริงในฐานะเอสโอตัวจริงแล้ว ท้องฟ้ากว้างใหญ่กับงานที่น่าภาคภูมิใจรอผมอยู่แล้วในเที่ยวบินต่อไป

ได้เวลาพักชมโฆษณาสักครู่ครับ รอแป๊บนุงนะ
———————
www.nuckbin.blogspot.com

www.facebook.com/nuckbin

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น