14 พฤศจิกายน 2557

โบอิ้ง...ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

โบอิ้ง...ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
ตั้งแต่เริ่มเป็นนักบินการบินไทยจนถึงปัจจุบัน ผมเคยบินเครื่องบินของบริษัทโบอิ้ง แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา มาทั้งหมดสี่แบบ เริ่มต้ังแต่ B777-200/300 B747-400 B737-400 จนมาปัจจุบันกำลังจะฝึกบิน B787-8 “Dreamliner" รู้สึกคุ้นเคยและพึงพอใจในประสิทธิภาพเครื่องบินและปรัชญาของบริษัทโบอิ้งเป็นอย่างมาก โบอิ้งเน้นออกแบบเครื่องบินมาให้นักบินเป็นผู้ควบคุม เป็นเจ้านายของเครื่อง ในขณะที่แอร์บัสเปลี่ยนเป็นจากการใช้คันบังคับแบบ Control column หรือคันบังคับเครื่องบินแบบเขาควาย มาเป็นแบบControl stick ที่มีลักษณะเหมือนจอยสติ๊กในเกมคอมพิวเตอร์ แต่โบอิ้งยังยืนยันที่จะใช้ Control column ต่อไป โดยให้เหตุผลว่า ลูกค้าหรือนักบินยังคงต้องการความรู้สึกการบินแบบเดิมๆที่ให้ความรู้สึกเป็นผู้ควบคุมม้าพยศตัวนี้เองเหมือนแต่ก่อน
วิลเลี่ยม โบอิ้ง เป็นชื่อของผู้ก่อตั้งบริษัทสร้างเครื่องบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกใบนี้ ท่านเกิดเมื่อปีคศ.1881 ที่เมืองดีทรอยท์ เป็นบุตรชายคนโตจากพี่น้องทั้งหมดสามคน คุณพ่อของท่านชื่อ วิลเฮล์ม โบอิ้ง เป็นคนเชื้อสายเยอรมันที่อพยพมาอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่อายุ20ปี เพื่อมาทำงานเป็นคนงานในฟาร์ม จนมาได้พบรักกับลูกสาวเจ้านาย คุณพ่อของวิลเลี่ยม โบอิ้งเป็นคนขยันขันแข็ง สร้างเนื้อสร้างตัวจนมีฐานะ เป็นเจ้าของเหมืองแร่ เป็นผู้จัดการธนาคาร และเป็นหุ้นส่วนในบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียง เมื่อคุณพ่อวิลเฮล์มเสียชีวิตเมื่ออายุได้42ปีเพราะไข้หวัดใหญ่ ท่านได้ทิ้งมรดกไว้ให้ภรรยาและลูกๆให้ดูแลกิจการต่อไป
พอคุณพ่อเสียชีวิตได้ไม่นาน คุณแม่ของโบอิ้งก็แต่งงานใหม่ โบอิ้งไม่ค่อยจะปลื้มคุณพ่อใหม่เท่าใดนัก เค้าถูกส่งไปเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์ จึงทำให้ได้นิสัยของความเที่ยงตรงมาจากที่นั่น หลังจากอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ได้แค่หนึ่งปี โบอิ้งกลับมาที่อเมริกาเพื่อเข้าเรียนที่ YALE แต่ก็เรียนไม่จบ ในปีคศ.1903 เมื่ออายุได้ 22ปี โบอิ้งลาออกจากวิทยาลัยที่ YALE มุ่งหน้าไปเสี่ยงโชคที่รัฐวอชิงตันทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขาไปเอาดีทางงานตัดไม้ในที่ดินที่คุณพ่อเป็นเจ้าของ โบอิ้งเริ่มซื้อกิจการป่าไม้ สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเอง และเริ่มบุกเบิกไปที่อลาสก้าที่อยู่ห่างไกล
เขาย้ายกลับมาที่ซีแอตเติ้ลในปี1908 เพื่อมาเปิดบริษัทค้าไม้ ในปี1910 โบอิ้งซื้ออู่ต่อเรือที่ชื่อ HEATH SHIPYARD บนชายฝั่งแม่น้ำดูวามิชเพื่อสร้างเรือยอชท์ขาย
เขาเริ่มมีความสนใจเรื่องเครื่องบินขึ้นมาเมื่อปีคศ.1910 เมื่อได้เข้าร่วมการประชุมเกี่ยวกับการบินที่ลอสแองเจอลิส โบอิ้งได้รู้จักกับเรือโท จี คอนราด เวสเตอร์เวลด์ ทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนซี้กันและชอบนั่งเครื่องบินเล่นเสมอๆ โบอิ้งหลงไหลในการบินจนถึงกับมั่นใจว่าเค้าสามารถสร้างเครื่องบินที่ดีได้ด้วยตัวเอง
ปีคศ.1915 โบอิ้งตัดสินใจเข้าเรียนหลักสูตรการสร้างเครื่องบิน และสั่งซื้อชิ้นส่วนและอะไหล่เครื่องบินรุ่นTA จากบริษัท MARTIN FACTORY เพื่อมาประกอบเอง โบอิ้งเริ่มงานสร้างเครื่องบินกับช่างเทคนิคกลุ่มหนึ่งในการผลิตเครื่องบินลำแรกของตัวเอง เป็นเครื่องบินปีกสองชั้นที่สามารถบินขึ้นลงในน้ำได้ โบอิ้งให้ชื่อเครื่องบินลำนี้ว่า B&W Model1 ซึ่งมาจากอักษรตัวแรกของชื่อโบอิ้งและเวสเตอร์เวลด์ คู่หูของโบอิ้งเอง เครื่องบินลำนั้นยาว25.5ฟุต ถือเป็นจุดกำเนิดของบริษัทเกี่ยวกับการบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ในปีคศ.1916 โบอิ้งได้ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกันกับมหาวิทยาลัยวอชิงตัน โดยที่จะสร้างอุโมงค์ลมทดสอบเครื่องบินให้กับมหาวิทยาลัยแลกกันกับการที่มหาวิทยาลัยจะเปิดหลักสูตรวิทยาศาสตร์อากาศยาน ในปีคศ.1917 ประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน ประกาศสงครามกับเยอรมัน ซึงในปีนั้นเอง บริษัทเปลี่ยนชื่อเป็น BOEING AIRPLANE COMPANY และได้สัญญาสร้างเครื่องบินฝึกของกองทัพเรือสหรัฐ รุ่น BOEING MODEL C 
แต่ใช่ว่าหนทางจะราบรื่น โบอิ้งต้องทำการค้าอย่างอื่นด้วยเพื่อประคองธุรกิจการบินให้อยู่รอด เค้าต้องทำเฟอร์นิเจอร์ ทำเคสเครื่องเล่นแผ่นเสียง รวมไปถึงการนำเอาเครื่องบินรุ่นC-700 ซึ่งเป็นเครื่องบินในเชิงพาณิชย์ที่มีต้นแบบเดียวกับรุ่นMODEL Cที่ใช้ในกิจการทหารเรือ มาทำการบินขนส่งพัสดุไปรษณีย์ระหว่างเมืองแวนคูเวอร์ของแคนาดากับเมืองซีแอ๊ตเติ้ลในสหรัฐฯ นับเป็นการเปิดศักราชการบินขนส่งพัสดุไปรษณีย์ของสหรัฐอเมริกา
บริษัทโบอิ้งเริ่มจะมีกำไรจากงานรับซ่อมบำรุงเครื่องบินทหารและงานสร้างเครื่องบินปีกสองชั้นที่ออกแบบโดยบริษัทอื่น ในปีคศ.1921 วิลเลี่ยม โบอิ้งแต่งงานกับสาวสวยนามว่า เบอร์ธ่า พอร์เตอร์ พาสแชล ซึ่งมีลูกชายติดมาสองคน และทั้งคู่มีลูกชายด้วยกันอีกคน คือ วิลเลี่ยม โบอิ้ง จูเนียร์
โบอิ้งยังคงทำธุรกิจค้าไม้ควบคู่ไปกับการสร้างเครื่องบิน แนวความคิดของเขาน่าสนใจอย่างยิ่ง เขาเชื่อมั่นและสนใจในรายละเอียดของงานที่ทำ และมักจะบอกบรรดาผู้จัดการในบริษัทว่า การตัดสินใจที่ผิดพลาดมีสาเหตุมาจากการมองข้ามรายละเอียดปลีกย่อยและตีความหมายไปผิดๆ 
โบอิ้งตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งและเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทเมื่อตกลงใจที่จะสร้างเครื่องบินรุ่น Model 40A ที่ใช้อากาศลดอุณหภูมิเครื่องยนต์แทนที่จะใช้น้ำเป็นตัวลดอุณหภูมิ และทำให้บริษัทของเขาได้สัญญาสร้างเครื่องบินจำนวน26ลำ สำหรับใช้ขนส่งพัสดุและไปรษณีย์ในเส้นทางชิคาโก้-ซานฟรานซิสโก ในปีคศ.1927 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กิจการของบริษัทโบอิ้งก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมาอยู่ในแถวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบิน
ในปีคศ.1934 เขาได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นประธานบริษัทและขายหุ้นของเขาทั้งหมดในบริษัท และในปีเดียวกันนั้นเอง เขาได้รับการยกย่องและได้รับรางวัลเหรียญ DANIEL GUGGENHEIM สำหรับความสำเร็จในธุรกิจการบินที่ผ่านมา
นายวิลเลี่ยม โบอิ้ง เสียชีวิตในวันที่ 28 กันยายน คศ.1956 บนเรือTACONITE ซึ่งเป็นเรือยอร์ชลำโปรดของเขาเอง ไม่มีการจัดงานศพอย่างเอิกเกริก ครอบครัวของเขาได้นำเถ้ากระดูกของเขาไปโปรยลงในทะเลนอกชายฝั่งบริติชโคลัมเบีย ที่ซึ่งเขาเคยใช้ชีวิตอยู่บนเรือยอร์ชลำโปรดที่เขารักอยู่บ่อยๆก่อนที่จะเสียชีวิต
ในวันที่ 15 ธันวาคม คศ.1966 เขาได้รับการจารึกชื่อใน THE AVIATION HALL OF FAME ในเมืองเดย์ตั้น รัฐโอไฮโอ ในฐานะที่เป็นผู้ประสบความสำเร็จในการสร้างองค์กรเครือข่ายเส้นทางการบินและการผลิตเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินที่ใช้ในทางทหาร
ป้ายคำขวัญที่ติดไว้บนผนังห้องในที่ทำงานของวิลเลี่ยม โบอิ้ง เขียนไว้ว่า
1.ไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ่กว่าความจริง
2.ความจริงได้มาจากการสังเกตุอย่างแม่นยำ
3.การให้เหตุผลโดยอาศัยหลักตรรกวิทยาสามารถทำได้กับข้อมูลที่เป็นจริงเท่านั้น
4.ประสบการณ์ได้พิสูจน์ความจริงของกฏเหล่านี้แล้ว 
ความฝันของชายคนหนึ่ง ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาลแก่โลกใบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมถ้าเรามีความฝันและตัดสินใจลงมือทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา
เริ่มกันเลยมั๊ยครับ วันนี้เลย

1 ความคิดเห็น: