14 พฤศจิกายน 2557

กำลังใจ...สร้างเอาไว้ยามหมดแรง

กำลังใจ...สร้างเอาไว้ยามหมดแรง
ปีพ.ศ.2537 เป็นปีที่ผมมีทั้งสุขและทุกข์ปนๆกัน หลังจากที่สอบเข้าเป็นนักบินฝึกหัดทุนการบินไทยได้ ไปรายงานตัวที่การบินไทยสำนักงานใหญ่แล้ว บริษัทก็จัดการส่งผมและเพื่อนๆร่วมรุ่นอีกสิบกว่าคนไปเรียนที่โรงเรียนการบิน ศูนย์ฝึกการบินพลเรือน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นเวลาหนึ่งปี วัตถุประสงค์ก็เพื่อทำให้พวกเราสามารถบินเครื่องบินฝึกลำเล็กๆให้ได้ หลังจากนั้นจึงจะกลับมาฝึกบินเครื่องบินลำใหญ่ๆของการบินไทยต่อไป 
ตอนที่ไปอยู่หัวหินใหม่ๆ พวกเราวัยไล่เลี่ยกัน ยังเป็นหนุ่มกลัดมันที่พร้อมจะลุยและสู้เสมอ ทุกอย่างดูสวยงามในตอนแรกเริ่ม ครูการบินมาต้อนรับขับสู้พร้อมด้วยนักบินทุนการบินไทยรุ่นพี่ที่มาอยู่ก่อนแล้วครึ่งปี พวกเราถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มๆละสองคนบ้าง สามคนบ้าง แยกไปเป็นลูกศิษย์ของครูการบินแต่ละท่าน ครูของผมท่านเป็นหัวหน้าครูการบินของที่นั่น เราเรียกท่านว่า”ครูน้อย” ทันทีที่เจอผม ท่านบอกว่า
“ มึงแก่กว่าเค้า งั้นมึงเป็นหัวหน้าศิษย์แล้วกัน”
ง่ายๆซะงั้น 
เอาวะ เป็นก็เป็น แล้วมันต้องทำอะไรบ้างหล่ะ ง่ายๆเลย บอกทำความเคารพครูที่เข้ามาสอนในห้อง เหมือนตอนเรียนอยู่มัธยมเลยอะ นอกจากนั้นก็ทำงานตามที่ครูน้อยสั่งมาทุกอย่าง พูดง่ายๆก็คือเป็น”เยเนอรัล เบ๊” นั่นเอง ทุกวัน ผมมีหน้าที่คอยตามตะล่อมให้พี่ๆเพื่อนๆและน้องๆในรุ่นต้องเข้าเรียน หรือเข้าบรีฟตามเวลาที่กำหนด แค่นั้นเอง
พอเริ่มฝึกบิน วันแรกตื่นเต้นมาก ครูน้อยให้พวกเราขึ้นเครื่องบินฝึกใบพัดลำเล็กๆรุ่น SOCATA TB-9 ไปพร้อมๆกันสามคน เพื่อดูครูบินให้ดู และอธิบายให้ฟังว่าเครื่องชื่ออะไร ปุ่มต่างๆอยู่ตรงไหน และเราต้องระมัดระวังอะไรบ้าง จำได้ว่า สนุกและตื่นเต้นมาก มีผะอืดผะอมเล็กน้อยเพราะเครื่องบินฝึกมันเล็กและเร็วเหลือเกิน ครูชี้ให้ดูขอบฟ้า แต่ยื่นมือออกไปแตะขอบฟ้าไม่ได้ อิจฉาพี่ตูนบอดีสแลมก็อีตรงนี้แหละ เพราะแกออกไปแตะขอบฟ้าได้เลย ของผมครูห้ามไว้ อิอิ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เราสามคนที่เป็นลูกศิษย์จะถูกสั่งให้ขึ้นบินกับครูทีละคน เพื่อฝึกบินตามแผนการฝึก ทุกเช้าก่อนบิน จะต้องทำการบรีฟ(BRIEFING)ก่อนว่าวันนี้จะทำอะไร จากนั้นจึงขึ้นบินทีละคนกับครู คนละหนึ่งชั่วโมง พอบินครบทั้งสามคน แล้วลงมาทำการดีบรีฟ(DEBRIEFING)เพื่อแนะนำและดุด่าว่ากล่าวตามระเบียบ
ครูน้อยท่านเป็นอดีตนายทหารอากาศและครูการบินที่ลาออกมาจากกองทัพอากาศ ความเป็นครูมีสูงมาก ท่านเก่งและตัวสูงใหญ่เป็นที่น่าเกรงขามยิ่งนัก รุ่นพี่ๆตั้งสมญาให้ท่านว่า “เพชรฆาตไวเซอร์ดาวน์” ไวเซอร์(VISOR) ก็คือกระจกกันแสงแดดที่ติดตั้งบนหมวกนักบินรบ(HELMET)ที่สามารถเปิดปิดได้ตามที่นักบินต้องการครับ พอปิดลงมาก็ช่วยกันแสงแดดรบกวนและป้องกันวัตถุแปลกปลอมมากระแทกหน้า ด้วยความที่ท่านอยากให้เราได้ดี ท่านก็จะมีปฏิกิริยาต่อฝีมือการบินของเรารุนแรงนิดนึง เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำได้ไม่ดีอย่างที่อยากให้เป็น ท่านก็จะเตือนผมด้วยการสัมผัสอย่างที่ลูกผู้ชายพึงกระทำต่อกัน ทำให้ผมเจ็บๆคันบ้าง บางทีก็จุก บางทีก็เจ็บ ระบมไปทั้งตัวตั้งแต่ใบหน้า มือ แขน หน้าท้อง ต้นขา คอและไหล่ ทำให้เกิดตื่นตัวขึ้นมาและตั้งใจบินให้ดีๆ
ผมและศิษย์ร่วมสายกับครูน้อยต้องเจออย่างนี้ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ฝึกบินที่หัวหินทั้งหมด 250 ชั่วโมงบิน ผมต้องบินกับครูน้อยประมาณ100 ชั่วโมงบิน มันทุกข์ระทมทุกครั้งก่อนขึ้นบินกับครู ช่วงแรกๆ ถึงกับนอนไม่หลับ กลัวและเกร็งไปหมด โชคดีที่ได้รับการบ่มเพาะให้จิตใจและร่างกายแข็งแกร่งมาจากการเป็นนักเรียนทหารที่โรงเรียนนายเรืออากาศ จึงพอจะสู้ไหว
เพื่อนๆร่วมรุ่นที่อยู่คนละสาย ผมหมายถึงคนที่บินก้บครูท่านอื่น พากันหัวเราะต่อกระซิก บินด้วยความสนุกสนานและสบายใจ ในขณะที่สายของผมสามคน กลับเครียดกว่ามากและไม่สนุกเลยเมื่อต้องขึ้นบินกับครูของตัวเอง ผมนอนนึกในใจเกือบทุกคืนว่า ชีวิตกูนี้หนอ ทำไมช่างไม่สะดวกโยธินเอาเสียเลย คนอื่นเค้าสบายกว่า เรากลับต้องมานอนก่ายหน้าผากทุกคืน รอวันขึ้นไปบินให้ครูทุบเป็นกระท้อน
"ทางไปสู่เกียรติศักดิ์ จักประดับด้วยดอกไม้ หอมหวลยวนจิตไซร้ ไป่มี” 
พระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่หก ที่ผมเห็นและท่องจำจนขึ้นใจตั้งแต่เข้าเตรียมทหารและเรืออากาศ มันผุดขึ้นมาในใจทุกครั้งที่เริ่มท้อแท้ ช่วยเตือนสติและปลอบประโลมใจให้ลุกขึ้นสู้ต่อทุกครั้ง มันทำให้ผมยืนหยัดสู้ต่อไป รวมไปถึงกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ที่รอลุ้นเราทุกเสาร์อาทิตย์ที่กลับบ้าน ช่วยให้ผมผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้ จนจบการฝึกบิน ในวันสุดท้ายที่หัวหิน ผมได้เข้าไปกราบขอพรและขอบพระคุณครูน้อยที่ช่วยสั่งสอนผมจนสามารถเป็นนักบินที่ดีได้ 
จนทุกวันนี้ ทุกครั้งที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องการบิน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน ผมจะนึกย้อนกลับไปถึงวันวานที่บินกับครูน้อย
“วันนั้นที่บินกับครูน้อยหนักกว่าวันนี้เยอะยังผ่านมาได้ ดังนั้นวันนี้หมูๆ ผ่านไปได้แน่นอน”
คิดได้อย่างนี้ก็มีแรงฮึดสู้ต่อไป รอดพ้นมาได้ทุกครั้ง 
กำลังใจ หาได้ง่ายๆ แค่มองย้อนหลังกลับไปถึงวันที่เคยลำบากกว่า แค่นี้ก็ไปต่อได้อีกเรื่อยๆ
สู้โว้ยยย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น