28 พฤษภาคม 2558

Introduction to Pilot(1)

Introduction to Pilot(1)

ห่างเหินไปจากเฟซบุ๊คหลายวัน จนแทบจะลงแดงตายเพราะไม่มีสมาธิมานั่งพิมพ์ให้อ่านกัน ช่วงนี้ใช้สมองเยอะเนื่องจากต้องอ่านเอกสารตำหรับตำราหลายฉบับ จนรู้สึกได้ว่ารอยหยักในสมองเริ่มแตกลายงา แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบศึกษาค้นคว้าอยู่แล้ว เลยรู้สึกสนุกไปกับงานที่ได้รับในตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง
ทำให้นึกถึงตอนที่เริ่มเข้ามาเป็นนักบินแอร์ไลนส์ที่การบินไทย การฝึกทบทวนความรู้และทักษะการบินเป็นเรื่องธรรมดาและจำเป็นต้องทำ ตอนที่สอบการบินไทยได้เป็นนักบินฝึกหัด การบินไทยส่งไปเรียนบินเครื่องบินใบพัดลำเล็กที่สถาบันการบินพลเรือนหัวหิน ผมและเพื่อนร่วมรุ่นAP-41ต้องเรียนหลักสูตรภาคพื้นหลายเล่ม ตำราเป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด มีภาษาไทยไม่กี่เรื่อง ผมโชคดีตรงที่สมัยเรียนมัธยมชอบภาษาอังกฤษ เลยพอเข้าใจได้สบายหน่อย แต่ก็ยังไม่เก็ทในทุกเรื่อง ภาษามันดิ้นได้นะครับ แปลผิดก็ไปคนละเรื่องเลย
ตอนที่เรียนบินที่หัวหิน แบ่งเป็นครึ่งปีแรกเป็นศิษย์ประถม ช่วงนี้จะฝึกบินในช่วงเช้าเนื่องจากศิษย์การบินละอ่อนอย่างพวกผมยังอ่อนโลกนัก อากาศยามเช้าที่สนามบินหัวหินลมยังสงบนิ่ง ทำให้การฝึกบินทำได้ง่ายกว่าช่วงบ่ายที่อากาศร้อนและเอาแน่นอนไม่ได้ ศิษย์ประถมจะฝึกบินในช่วงเช้าจนถึงเที่ยง พักทานอาหารกลางวัน เสร็จแล้วช่วงบ่ายย่อยอาหารด้วยการเข้าห้องเรียนภาคพื้น พอหนังท้องตึงหน้งตาก็หย่อน นั่งสัปหงกกันเป็นหมีโคอาล่า หูฟังแต่ตาหลับเป็นทักษะที่ศิษย์การบินประถมจำเป็นต้องฝึกฝนให้ช่ำชองอยู่เนืองๆ ระวังอย่างเดียวคืออย่าให้ครูจับได้ว่าแอบหลับ เพราะอาจจะถูกลงโทษจากครูปกครองไม่ให้กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ ศิษย์การบินต้องฝึกบินกับครูการบินของตนอยู่พักใหญ่จนครูมั่นใจแล้ว ก็จะปล่อยให้เราบินเดี่ยวเองหรือที่เรียกว่าโซโล่ (Solo) ผมยังจำวันนั้นได้จนทุกวันนี้ครับ มันตื่นเต้นและดีใจเหมือนถูกหวยรางวัลเคียงข้างรางวัลที่หนึ่ง เหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นชิ้นโปรดจากป๊ะป๋า กึ่งกลัวกึ่งกล้า กึ่งยิงกึ่งผ่าน บอกความรู้สึกไม่ถูกเลยในตอนนั้น กลัวว่าจะทำพลาดแต่ก็ใจก็อยากทำ วินาทีที่เราเอาเครื่องบินลอยขึ้นฟ้าได้ มันช่างฟินฝุดๆครับพี่น้อง เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม
ผ่านไปครึ่งปี กลายเป็นรุ่นพี่เพราะมีรุ่นน้องไล่ตามมาเรียนด้วย ขยับวิทยฐานะขึ้นเป็นศิษย์มัธยม ช่วงเช้าทานข้าวเสร็จเข้าเรียนหนังสือในห้อง ช่วงบ่ายฝึกบินกับครูการบินหรือ ”ไปเดี่ยว” คำว่าไปเดี่ยวหมายถึงเอาเครื่องบินไปฝึกบินเองโดยที่ไม่มีครูการบิน แต่บางเที่ยวบินก็จะมีเพื่อนศิษย์การบินนั่งไปเป็นเซฟตี้ไพล็อต(Safety pilot)ให้เพื่อฝึกบินเครื่องวัด (Instrument flying) เราทั้งคู่ก็จะเพลิดเพลินเจริญใจไปกับวิวทิวทัศน์รอบสนามบิน ต่างพากันชี้นกชมไม้คล้ายกับเป็นคู่รักร่วมเพศ นอกจากนี้ศิษย์การบินต้องฝึกบินเดินทาง โดยทำการบินจากสนามบินหัวหินไปลงที่สนามบินอื่น เป็นอะไรที่ร้อนแต่ก็สนุก ที่ว่าร้อนเพราะต้องนั่งเป็นไก่อบภูเขาไฟอยู่ในเครื่องบินให้แดดลามเลียเป็นเวลาหลายชั่วโมง กว่าจะถึงจุดหมายก็เกือบจะกลายเป็นบีชบอย สำหรับอุปกรณ์ที่ศิษย์การบินอย่างเราขาดไม่ได้เวลาบินเดินทางคือแว่นตากันแดด หมวก แผนที่เดินทาง และน้ำดื่ม ต้องเตรียมให้พร้อม ลืมนี่แย่เลย
บินไปบินมา ครบหนึ่งปี ทำชั่วโมงบินได้เพียงพอตามที่กำหนด ก็จะถูกจัดให้เข้ารับการตรวจสอบการบินภาคอากาศและสอบความรู้ภาคพื้นไปพร้อมๆกัน จนจบการฝึกบิน ในวันสุดท้ายที่จะต้องกลับไปที่การบินไทยเพื่อฝึกบินเครื่องบินลำใหญ่ต่อไป ผมและเพื่อนนักบินเข้าไปกราบขอพรครูการบินและครูภาคพื้น ชีวิตเพิ่งเร่ิมต้นเท่านั้นเอง ยังมีศึกใหญ่รออยู่อีกมากที่การบินไทย นักบินละอ่อนอย่างพวกผมต้องจากบ้านนาเข้าสู่เมืองกรุงเพื่อฝึกบินอีกครั้ง คราวนี้เป็นการฝึกบินเพื่อทำงานจริงๆแล้ว เครื่องบินไอพ่นลำใหญ่ที่บรรทุกผู้โดยสารได้สามร้อยคนรอพวกผมให้ไปฝึกบินอยู่ครับ
เหตุการณ์จากนี้จะเป็นอย่างไร
โปรดติดตามตอนต่อไป.....หลังโฆษณาครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น