31 พฤษภาคม 2557

บริติชแอร์เวยส์ปรับปรุงเส้นทางแวะจอดเอเซีย

ประเทศในเอเซียเป็นจุดแวะจอดระหว่างทางของสายการบินบริติชแอร์เวยส์(British Airways BA) ก่อนจะบินต่อไปยังออสเตรเลีย โดยร่วมมือกับสายการบินแควนตัส(Qantas)ของออสเตรเลียมาเป็นเวลาเกือบสิบแปดปีแล้วภายใต้ข้อตกลงการให้บริการร่วมกัน( Joint Services Agreement JSA) แต่ข้อตกลงนี้กำลังจะเปลี่ยนไปเพราะ BA ได้ปรับเปลี่ยนเครือข่ายในเอเซีย ย้อนหลังไปดูสถิติในปี2000 สายการบิน BA ได้ใช้ JSA กับแควนตัสในการบินเกือบสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเที่ยวบินเกือบ60เที่ยวบินต่อสัปดาห์สำหรับเส้นทางไปยังเอเซียและออสเตรเลีย แต่ในปี 2014 ใช้ JSA เพียง8 %จากเที่ยวบิน 120เที่ยวเท่านั้น และในจำนวนนี้เป็นการบินไปยังญี่ปุ่นโดยเป็นพันธมิตรร่วมกันกับสายการบินฟินแอร์และแจแปนแอร์ไลนส์

จุดแวะลงจอดในเอเซียของBA เดี๋ยวนี้เกือบทั้งหมดเป็นการบินแบบจุดต่อจุด(Point-to-Point) ซึ่งตั้งแต่สิ้นสุดการทำ JSA กับแควนตัสแล้ว ทาง BAก็ได้ลดขนาดเครื่องบินที่บินไปกรุงเทพจากแบบ B747-400มาเป็น 777-200 ในขณะที่จะใช้เครื่องบินแบบ A380 และ B777-300ER เพื่อบินไปยังสิงคโปร์ และจะใช้ A380 และ B777-200 สำหรับบินไปยังฮ่องกง

BA ได้รายงานว่า ในรอบหกเดือนมีผลสรุปทางการเงินดีขึ้นมา 30ล้านปอนด์สำหรับการปรับปรุงเส้นทางบินแวะจอดเอเซียเพื่อต่อไปยังซิดนี่ย์ ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงเส้นทางบินที่เกิดผลดีที่สุดเป็นอันดับสองของBA ทั้งนี้เกิดจากการเปลี่ยนแบบเครื่องบินและลดจำนวนลูกเรือลงตามแบบเครื่อง ไม่ได้เกี่ยวกับการเลิกทำJSA แต่อย่างใด

แหล่งข่าว: www.centreforaviation.com
ภาพประกอบ: www.theguardian.com
-------------------------------
ติดตามบทความและข่าวสารการบินได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

30 พฤษภาคม 2557

JTA สั่งซื้อ B737-800

สายการบินแจแปนทรานโซนิคแอร์(JTA) ที่มีฐานการบินอยู่ที่เมืองโอกินาว่า สั่งเครื่องบินแบบ B737-800จำนวน 12 ลำ มูลค่าเกือบ 1.1พันล้านเหรียญสหรัฐ การสั่งซื้อครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของโปรแกรมการเปลี่ยนแบบเครื่องบินให้ใหม่ขึ้น
จากข้อตกลง JTA สามารถเปลี่ยนไปใช้เครื่องแบบ 737 MAX ได้ในอนาคต
" การสั่งซื้อครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ของเราเพื่อจะสร้างความสะดวกสบายให้แก่พลเมืองชาวโอกินาว่า โดยการใช้เครื่องบินที่ประหยัดน้ำมันและมีความน่าเชื่อถือที่สุดในปัจจุบันและอนาคต" นายมานาบุ ซาโตะ ประธานบริษัทJAT และเจ้าหน้าที่บริหารของ JAPAN AIRLINESกล่าว
ปัจจุบัน JTAทำการบินด้วยเครื่องแบบ B737-400 ในเส้นทางบินในประเทศเพื่อบินเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ๆในญี่ปุ่น

แหล่งข่าว: ATW magazine
------------------------
ติดตามบทความเกี่ยวกับการบินได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

29 พฤษภาคม 2557

แคนาดาอนุญาตให้ผู้โดยสารใช้อุปกรณ์อิเลคโทรนิคและสมาร์ตโฟนระหว่างบินได้แล้ว

ข่าวดีสำหรับสาวกมือถือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ชาวคานาเดี้ยน ไม่ต้องลงแดงระหว่างบินกันอีกแล้ว เมื่อ TRANSPORT CANADA องค์กรควบคุมการบินพลเรือนของประเทศแคนาดา ได้อนุญาตให้ผู้โดยสารที่เดินทางกับสายการบินของประเทศแคนาดา สามารถใช้งานอุปกรณ์จำพวก Portable electronic devices หรือเรียกย่อๆว่า PEDs อันได้แก่พวกสมาร์ตโฟนทั้งหลายแหล่ กล้อง เกมมือถือ แท็บเบล็ต และโน็ตบุ๊ค ในขณะที่เครื่องบินวิ่งขึ้น ไต่ ร่อนและลงจอด โดยมีข้อแม้ว่าต้องเปิดเป็นไฟลท์โมด และสายการบินจะต้องผ่านการตรวจสอบจาก TRANSPORT CANADA แล้วว่าได้ดำเนินการได้มาตรฐานความปลอดภัยจริงๆ

การผ่อนปรนนี้เกิดขึ้นตามแนวทางของ  European Aviation Safety Agency หรือ EASA(อ่านว่า อี-เอ-ซ่า) ที่ได้เริ่มมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว

สายการบิน WestJet ของแคนาดา ให้ข้อมูลว่าจะสามารถให้ผุ้โดยสารใช้งาน PEDs ได้ตั้งแต่เดินเข้าเครื่องยันเดินออกจากเครื่อง อย่างช้าที่สุดก็ช่วงฤดูร้อนที่จะถึงนี้

ในขณะนี้ Air Canada เจ้าใหญ่ในประเทศแคนาดาก็กำลังจะจบกระบวนการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้กับการผ่อนปรนในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

คราวนี้หล่ะ ขึ้นเครื่องปุ๊ป คอหักพร้อมๆกันหมดเบยยยย 

แหล่งข่าว : www.atwonline.com
ภาพประกอบ : https://s3.amazonaws.com
--------------------------------
ติดตามบทความน่าสนใจเกี่ยวกับการบินได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

28 พฤษภาคม 2557

FAA อนุมัติเพิ่มให้DREAMLINEER B787 ทำการบินแบบ ETOPS ได้ถึง 330 นาที

Federal Aviation Administration หรือ FAA แห่งอเมริกา ได้อนุมัติให้เครื่องบินแบบ B787 สามารถทำการบินแบบETOPS(Extended range Twin Operations)ได้ถึง 330 นาทีด้วยเครื่องยนต์เดียว(ในกรณีเครื่องยนต์อีกข้างดับ )จากสนามบินสำรองระหว่างเส้นทางบิน จากเดิมที่เคยอนุมัติไว้ที่ 180 นาทีตั้งแต่ปีคศ.2011ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพการบินได้อีกเพราะสามารถบินข้ามทะเลห่างฝั่งได้ไกลขึ้นหรือบินผ่านบริเวณที่ไม่ค่อยมีสนามบินสำรองอยู่ 
จนถึงปัจจุบันนี้มียอดจองเครื่องบินB787 จำนวน 1030 ลำ จากลูกค้า 60 ราย และโบอิ้งได้ทยอยส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว 146ลำสำหรับลูกค้า19 ราย

จบข่าว
แหล่งข่าว: ATW magazine
รูปประกอบ: www.airpigz.com
-------------------------------------
ติดตามบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการบินได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

27 พฤษภาคม 2557

ความคืบหน้าการทดสอบเครื่องบินแบบ A350 ของแอร์บัส

เครื่องบินรุ่นนี้ การบินไทยและบางกอกแอร์(ถ้าจำไม่ผิด)มีแผนจัดซื้อเข้ามาใช้ครับ
แอร์บัสสิ้นสุดการทดสอบเครื่องบินทดสอบแบบA350XWB(Extra Wide Body)ลำที่สามและสี่ เพื่อความพร้อมส่งมอบเพื่อให้บริการแก่สายการบินกาตาร์แอร์เวยส์ ลูกค้ารายแรกในก่อนสิ้นปีนี้
มิสเตอร์เดเนี่ยล เวนนิเกอร์ ผู้อำนวยการอาวุโสของแอร์บัสท่านหนึ่งที่ดูแลโปรเจคนี้กล่าวว่า เครื่องบินทดสอบลำที่ห้า MSN005 จะเข้าร่วมการบินทดสอบในเร็วๆนี้ " เรากำลังอยู่บนเส้นทางการตรวจสอบและอนุมัติในไตรมาสที่สามและขั้นตอนการส่งมอบให้ลูกค้าในไตรมาสสุดท้ายของปี" เวนนิเกอร์กล่าวไว้ โดยเสริมอีกว่า MSN005 จะติดตั้งอุปกรณ์และเก้าอี้โดยสารเหมือนเครื่องจริง
ในขณะนี้เครื่องบินทดสอบลำที่หก MSN006 กำลังอยู่ในสายการผลิตขั้นสุดท้าย และลำนี้จะถูกส่งมอบให้แก่กาตาร์แอร์เวยส์ ส่วนอัตราการผลิตจะอยู่ที่สามลำต่อเดือนในปีนี้ และจะเพิ่มเป็นห้าลำต่อเดือนในปี2015 และสิบลำต่อเดือนในปี2018
มิสเตอร์เวนนิงเกอร์กล่าวอีกว่า ได้ทำการทดสอบการบินไปแล้วประมาณ1700ชั่วโมงบิน จากที่ตั้งเป้าไว้ 2500 ชั่วโมงบิน
บริษัทฮันนิเวล(Honeywell) กำลังผลิตAuxilliary Power Unit(APU) รุ่น HGT 1700 ให้แก่แอร์บัสเพื่อใช้กับเครื่องบินA350XWB ซึ่งจะเป็น APU รุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยผลิต โดยที่APU จะทำหน้าที่สนับสนุนระบบสิ่งแวดล้อมภายในเครื่องบิน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย ฮันนิเวลพัฒนาAPU ตัวนี้ โดยเรียกชื่อระบบว่า AirSIB(Air System Integration Bench) ซึ่งจะมีตัวเครื่องยนต์จริงๆที่จะป้อนBleed Air ให้แก่ระบบ APU นับเป็นครั้งแรกที่มีการออกแบบAPU โดยวิธีการแบบนี้
นายเวนนิงเกอร์กล่าวว่า แอร์บัสจะยังคงพัฒนาการสร้าง A350-800 ต่อไป ถึงแม้ว่าจะมียอดจองน้อยกว่ารุ่น A350-1000 และยังคงมีลูกค้าอีกหลายรายเปลี่ยนแผนการจองจากรุ่น-800 ไปเป็น-1000
" เรายังคงมุ่งมั่นต่อการพัฒนารุ่น -1000 ต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ทิ้งแผนการกับรุ่น -800 ครับผม" เวนนิงเกอร์กล่าวปิดท้าย
แหล่งข่าว : ATW magazine
รูปประกอบ : www.bbc.com
----------------
ติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการบินได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

เอเซียน่า รับมอบเครื่องบินแบบ A380ลำแรก

สายการบินเอเซียน่าของเกาหลีใต้ ได้รับมอบเครื่องบินแบบ A380ลำใหม่ กลายเป็นรายที่ 11ของโลก

พิธีการรับมอบจัดขึ้นที่ตูลูสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เอเซียน่าสั่งซื้อA380จำนวน6ลำ ใช้เครื่องยนต์แบบโรลส์รอยซ์ เทรนท์900 โดยมีที่นั่งแบบสามระดับชั้น จำนวน495ที่นั่ง แบ่งเป็นเฟิร์สคลาส12ที่นั่ง บิสซิเนส 66 ที่นั่งแบบนอนได้ยาว และที่นั่งชั้นประหยัดอีก 417ที่นั่ง

"เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับมอบเครื่องบินA380ลำแรกในวันนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการพัฒนาในทันสมัยตามวิสัยทัศน์ของบริษัท" นาย ปาร์คแซมคู  ประธานกลุ่มเอเซียน่า กล่าวไว้

เอเซียน่าจะเริ่มให้บริการบินจากกรุงโซลไปโตเกียว ฮ่องกง และกรุงเทพ ตามมาด้วยบินตรงไปยังลอสแองเจลิส โดยเครื่องบินแบบ A380

แอร์บัส ได้รับคำสั่งซื้อA380 จำนวน 324ลำ จากลูกค้าทั่วโลก 20 รายแล้ว

แหล่งข่าว : ATW magazine
รูปประกอบ: en.wikipedia.org
------------------------------------
ติดตามอ่านบทความน่าสนใจได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

สายการบินฟินแอร์ประสบปัญหาค่าใช้จ่าย



สายการบินฟินแอร์ของฟินแลนด์จะตัดสินใจในเดือนมิถุนายนนี้ว่าจะเดินหน้าลดจำนวนพนักงานประจำประจำและเอาท์ซอร์สหรือไม่ หลังจากการพูดคุยที่จะหลีกเลี่ยงการลดจำนวนพนักงานไม่เป็นผล
"ฟินแอร์ กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา หลังจากการเจรจาในการช่วยกันลดค่าใช้จ่ายมายาวนาน เรายังหวังว่าจะพบข้อสรุปร่วมกันที่จะช่วยแก้ไขปัญหาโดยหลีกเลี่ยงการลดพนักงานลง โชคร้ายที่มันจำเป็นต้องทำแล้ว" ซีอีโอของฟินแอร์ คุณเพ็กก้า วาวรามา กล่าวไว้
ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารอาวุโสของฟินแอร์ ได้เตือนว่าจำเป็นต้องรื้อโครงสร้างบริษัท ซึ่งรวมไปถึงการลดจำนวนฝ่ายบริหารต่างๆทั้งในส่วนของฝ่ายบริหารทั่วไป ฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายลูกเรือ โดยซีอีโอกล่าวว่า จำเป็นต้องโละพนักงานฝ่ายลูกเรือลงถึง1500ตำแหน่งและเปลี่ยนไปใช้เอาท์ซอร์สแทนเพราะการเจรจาขอลดค่าตอบแทนในเดือนเมษายนที่ผ่านมาไม่เป็นผล
ฝ่ายสหภาพลูกเรือของประเทศฟินแลนด์ ได้ผลักดันข้อเสนอในการตัดค่าตอบแทนลงประมาณ 2.7ล้านยูโร แต่ซีอีโอกล่าวว่าตัวเลขที่เสนอมาน้อยเกินกว่าที่จำเป็นต้องลดลงจริงๆ
"ในเดือนมิถุนายนนี้ ฟินแอร์จะตัดสินใจโดยที่อยู่ที่การเจรจาร่วมกัน เราจำเป็นต้องลดพนักงานลงปีละ540ตำแหน่ง อ๊อปชั่นการแก้ไขปัญหาแรงงานประกอบไปด้วย การให้ออกเลย การให้หยุดงานชั่วคราว การเปลี่ยนไปให้ทำงานพาร์ทไทม์แทน หรือรวมๆกัน" ตัวแทนของฟินแอร์ได้ให้ความเห็นเอาไว้
ฟินแอร์วางแผนจะใช้ลูกเรือที่จ้างแบบทำสัญญาในเส้นทางบินลองฮอลสามเส้นทางในปีนี้ และจะเพิ่มเป็นสิบเส้นทางบินในระยะต่อไป นอกจากนี้สายการบินยังวางแผนจะจัดตั้งบริษัทลูกที่ผลิตลูกเรือเพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนของฟินแอร์เอง
ในส่วนของพนักงานฝ่ายบริหารทั่วไป ฟินแอร์จะลดจำนวนลง140ตำแหน่งจากที่มีอยู่เกือบ800ตำแหน่ง แต่คงต้องรอผลการเจรจากับพนักงานก่อน
"ผลกระทบต่อพนักงานจะมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการเจรจาร่วมกันระหว่างพนักงานเองกับฝ่ายบริหาร" โฆษกของสายการบินฟินแอร์กล่าวไว้
แหล่งข่าว: ATW Transport world
รูปประกอบ: www.underconsideration.com
-------------------------------------------------
ติดตามบทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

กาตาร์แอร์เวยส์ย้ายฐานไปทำการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ในโดฮา

กาตาร์แอร์เวยส์ย้ายฐานการปฏิบัติการบินอย่างเป็นทางการไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งใหม่ฮามาด ในกรุงโดฮา โดยที่สายการบินอื่นๆก็ได้ย้ายตามไปด้วย
ท่าอากาศยานใหม่นี้ หลังจากที่เลื่อนการย้ายมาใช้สนามบินนี้ตั้งแต่ปี2010 โดยขณะนี้เปิดใช้งานเต็มพิกัด เที่ยวบินที่ QR1113 ได้ลงจอดเป็นเที่ยวบินแรกที่นี่
ท่าอากาศยานแห่งชาติฮามาด สร้างขึ้นเพื่อทดแทนท่าอากาศยานโดฮา ได้รับการออกแบบเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ถึง 30ล้านคนต่อปี มีเคาน์เตอร์เช็คอิน 138เคาน์เตอร์ ประตูทางออก65ประตู คอนคอร์สแยกจากกันจำนวน5 ตึก และยังสามารถรองรับเครื่องบินแบบ380 ได้ถึง8เครื่อง
ท่าอากาศยานนานาชาติฮามาดเปิดให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 1 พค ที่ผ่านมา โดยเริ่มใช้กับสายการบินราคาประหยัดภายในประเทศก่อน สนามบินอยู่ห่างจากศูนย์กลางของเมืองโดฮาประมาณ16กม และอยู่ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติโดฮาเดิมเพียงแค่4กม เท่านั้น

แหล่งข่าว: Air transport world magazine
ภาพประกอบ: www.dohanews.co
-----------------------------------------
ติดตามบทความน่าสนใจได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

26 พฤษภาคม 2557

ความเชื่อเกี่ยวกับเชื้อโรคที่แพร่กระจายในห้องผู้โดยสารเครื่องบิน


หนังสือพิมพ์แอลเอไทมส์ของอเมริกาตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการแพร่กระจายของเชื้อโรคในห้องผู้โดยสารเครื่องบิน โดยอ้างอิงว่ารัฐบาลสหรัฐได้พยายามหักล้างข้อสันนิฐานว่า อากาศที่หมุนเวียนในเครื่องบินพาณิชย์เต็มไปด้วยเชื้อโรค

แถมยังระบุอีกว่ามีผลการศึกษาใหม่ออกมา โดยนักจุลชีววิทยาและวิศวกรของมหาวิทยาลัยออเบิร์น ค้นพบว่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้หลายวันตามที่วางแขน ถาดวางอาหาร ปุ่มต่างๆในห้องน้ำ ม่านบังแดด กระเป๋าใส่ของหน้าที่นั่ง และชิ้นส่วนของที่นั่งที่ทำจากหนังสัตว์

แบคทีเรียที่ใช้ในการทดสอบรวมถึงเชื้ออิโคไล ซึงเป็นสาเหตุของท้องร่วงอาเจียนในผู้ใหญ่ รวมถึงเชื้อสแตฟฟิโลคอคคัสที่ดื้อยาซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ โรคผิวหนัง นิวโมเนีย และการติดเชื้อแบคทีเรีย

แบคทีเรียที่อยู่ในน้ำลาย สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงแปดวัน จากการศึกษาโดยFAA(Federal Aviation Administration)ของอเมริกา

ขณะที่สายการบินต่างๆพยายามจะออกมาปกป้องว่า ได้ทำความสะอาดห้องผู้โดยสารเป็นประจำ

คุณจีน เมดินา โฆษกของกลุ่ม Airlines for America ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าของสายการบินใหญ่ๆในอเมริกา กล่าวว่า “สายการบินทราบดีว่าความสะอาดของเครื่องบินเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้โดยสารในการเลือกตัดสินใจเดินทาง ดังนั้นเดี้ยนคิดว่า ทุกสายการบินต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสะอาดเครื่องบินตลอด”

แต่อย่างน้อยก็มีข่าวดีบ้างว่า ศูนย์การควบคุมและป้องกันเชื้อโรคแห่งอเมริกา หรือ CDC ได้ปลดปล่อยความกลัวเกี่ยวกับเชื้อโรคที่แพร่กระจายในเครื่องบินพาณิชย์ โดยระบุว่า เครื่องบินลำใหม่ๆได้หมุนเวียนอากาศเกือบครึ่งหนึ่งกับอากาศภายนอกเครื่องบินโดยออกแบบให้อากาศดังกล่าวไหลผ่านตัวกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงลิบลิ่ว หรือเรียกกันย่อๆว่า HEPA โดยมีความถี่ในการทำงานเกือบ30ครั้งต่อชั่วโมงเชียวนะ

“ดังนั้น สิ่งแวดล้อมภายในห้องผู้โดยสารเครื่องบินจึงไม่สนับสนุนให้เกิดการกระจายตัวของเชื้อโรคที่อันตรายแต่อย่างใด” ตัวแทนของCDC  กล่าวเอาไว้

ภาพประกอบจาก www.smh.com.au , www.medicarezine.com
แหล่งข่าว: www.stuff.co.nz
--------------------------------------------
อ่านบทความน่าสนใจได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com


ให้-eBook-ทำเงินออนไลน์ได้จริง

เรื่องสนุกๆขำๆเกี่ยวกับแฟชั่น

เรื่องสนุกๆขำๆเกี่ยวกับแฟชั่น 

อ่านเจอในอินเตอร์เน็ต น่าสนใจดี เลยมาแปลให้อ่านกันเล่นๆนะครับ

1.ชาวกรีกโบราณน่าจะแก้ผ้าออกกำลังกาย เพราะคำว่า "Gymnasium"มาจากภาษากรีก"Gymnos" ซึ่งแปลว่าเปลือยกาย
2.เมืองหลวงแห่งโลกแฟชั่น อยู่ที่ นิวยอร์ค ลอนดอน มิลาน และปารีส โดยแต่ละแห่งจะจัดแฟชั่นโชว์ใหญ่ปีละสองครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์และกันยาย
3.การที่ผู้หญิงใส่กางเกงขาสั้นไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม เพิ่งจะมายอมรับกันหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่2
4.นิตยสารแฟชั่นฉบับแรกของโลกได้รับการตีพิมพ์ที่ประเทศเยอรมัน ในปีคศ.1586
5.คนอเมริกันใช้จ่ายค่าเสื้อผ้าโดยเฉลี่ยประมาณ3.8%ของรายได้ในปัจจุบัน เปรียบเทียบกับปีคศ.1950 ซึ่งค่าใช้จ่ายเสื้อผ้าสูงถึง11%ของรายได้
6.ตลอดอายุขัย ผู้หญิงอเมริกันจะใช้เงินเฉลี่ย125000เหรียญสหรัฐ กับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ประมาณ3000ชิ้น ในจำนวนนี้เป็นรองเท้า271คู่ กระโปรง 185ตัว และกระเป๋า145ใบ
7.ราคาเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในปัจจุบัน ถูกลงกว่าปีคศ.1992 เกือบ8.5% เมื่อปรับอัตราเงินเฟ้อแล้ว
8.วัตถุดิบที่ใช้ผลิตเสื้อผ้ามากที่สุดเรียงจากมากไปหาน้อย คือ ลินิน ฝ้าย โพลิเอสเตอร์ และเรย่อน
9.เข็มเย็บผ้ารุ่นดึกดำบรรพ์ ทำจากกระดูกสัตว์ตั้งแต่30000ปีที่แล้ว
10.คำว่าบีกินี่ ได้มาจากชื่อหมู่เกาะบีกินี่ ที่ซึ่งอเมริกาทดลองระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 โดยที่ Louis Reard ผู้ออกแบบชุดว่ายน้ำแบบบีกินี่เชื่อว่า ชุดบีกินี่ของเขาต้องดังเป็นพลุแตกเหมือนการทดลองระเบิดที่หมู่เกาะนี้
11.ผู้หญิงชาวตะวันตกจำนวน10-25% นิยมโนบรา ในขณะที่มีผู้หญิงสวมใส่เสื้อผ้าผิดไซส์ 75-85%
12.กระดุมเสื้อเชิ๊ตท่านชายอยู่ทางขวา ในขณะที่กระดุมเสื้อสุภาพสตรีจะอยู่ทางซ้าย
13.เสื้อผ้าเด็กๆในสมัยก่อนจะเป็นเหมือนของผู้ใหญ่ เพิ่งจะมาออกแบบให้เด็กเมื่อกลางศตวรรษที่18นี่เอง
14.ทักซิโดของคนอเมริกัน แต่ผู้ดีอังกฤษเรียกมันว่า แจ๊คเก๊ตสำหรับมื้อค่ำ(dinner jacket) เพราะคำว่าทักซิโดหมายถึงชุดสูทสีขาวในภาษาอังกฤษแบบบริติช
15.แต่ละปี มีผู้ผลิตเสื้อทีเชิร์ตออกมาขายเกือบ 2 พันล้านตัวเชียวนะ
16.ฐานะทางสังคมและอาชีพของชาวตะวันตกในยุคกลาง(Medieval ages)ถูกกำหนดด้วยสีของเสื้อผ้า อย่างเช่น ผู้ดีจะใช้สีแดง ชาวนาจะใส่สีน้ำตาลและเทา ส่วนพ่อค้า นายธนาคาร จะใส่สีเขียว
17.กรุงโรมในยุคโบราณ สีม่วงถูกสงวนไว้สำหรับจักรพรรดิและผู้พิพากษาเท่านั้น
18.รองเท้าคู่ที่เก่าที่สุดที่ถูกขุดพบ อายุประมาณ7000ปีก่อนคริสตศักราช แต่จากการวิเคราะห์กระดูกของคนโบราณ ทำให้เชื่อได้ว่า มนุษย์รู้จักการสวมรองเท้ามาตั้งแต่40000ปีที่แล้ว
19.วัฒนธรรมชนชาติอาหรับ ดูถูกรองเท้าว่าเป็นของต่ำเพราะต้องสัมผัสพื้นดินและปกปิดส่วนล่างสุดของร่างกาย การที่ยกรองเท้าให้ผู้อื่นเห็น หรือเขวี้ยงรองเท้าใส่ใคร ถือเป็นการดูหมิ่นอย่างรุนแรง
20.เสื้อผ้าผู้หญิงไซส์แสตนดาร์ด ถูกออกแบบให้กับผู้หญิงที่มีความสูงอยู่ระหว่าง5ฟุต4นิ้วกับ5ฟุต8นิ้ว

แหล่งข้อมูล: www.scratchhard.com
….................................
อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่www.nuckbin.blogspot.com


ให้-eBook-ทำเงินออนไลน์ได้จริง

23 พฤษภาคม 2557

บางกอกแอร์เวยส์เปิดเส้นทางเพิ่มเติมในภูมิภาคร่วมมือพันธมิตร

สายการบินบางกอกแอร์เวย์จับมือกับสายการบินแควนตัสสำหรับเส้นทางบินกรุงเทพ และสิงคโปร์ ไปยังออสเตรเลียและเส้นทางภายในประเทศออสเตรเลีย ทำให้เส้นทางบินที่ร่วมมือกับพันธมิตรการบินของบางกอกแอร์เวยส์เพิ่มจาก 6 เส้นทางบินเป็น14 เส้นทางบิน

จากข้อตกลงดังกล่าวมีผลทันทีให้ผู้โดยสารของบางกอกแอร์เวยส์สามารถจองตั๋วเส้นทางบินกรุงเทพ-ซิดนีย์ สิงคโปร์-เมลเบิร์น และเส้นทางบินในประเทศออสเตรเลียได้ทันที

บางกอกแอร์เวยส์ได้เริ่มเปิดเส้นทางร่วมกับแควนตัสตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อสะดวกต่อการเดินทางของผู้โดยสารที่จะเดินทางในเส้นทางจากออสเตรเลีย มายังกรุงเทพหรือสิงคโปร์และต่อไปยังจุดหมายต่างๆในภูมิภาค ได้แก่เกาะสมุย ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ เชียงราย พนมเปญ เสียมเรียบ ซึ่งบางกอกแอร์เวยส์เปิดให้บริการอยู่แล้ว

เส้นทางบินที่ทำข้อตกลงร่วมกันไว้ รวมถึงเส้นทางจากซิดนี่ย์ไปยังเมลเบิร์น อาดิเลด และบริสเบน
ซึ่งบางกอกแอร์เวยส์ได้ขยายข้อตกลงร่วมกันกับสายการบินแจแปนแอร์ไลนส์(JAL) เพื่อครอบคลุมเส้นทางจากกรุงเทพไปยังญี่ปุ่น

โดยตั้งแต่วันที่ 7 พค.ที่ผ่านมา ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ผู้โดยสารที่เดินทางจากนาริตะ ฮาเนดะ และโอซาก้าคันไซ สามารถเดินทางมายังเมืองต่างๆในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จำนวนแปดเมือง เพิ่มเติมจากเดิมห้าเมืองที่สายการบินบางกอกแอร์เวยส์ให้บริการอยู่แล้วระหว่างกรุงเทพกับญี่ปุ่น

แหล่งข่าว: www.bangkokpost.com
———————————————————————————————

ติดตามบทความน่าสนใจอื่นๆได้ที่ www.nuckbin.blogspot.com

22 พฤษภาคม 2557

9 Air โลวคอสต์เจ้าใหม่ในเมืองจีน สั่งซื้อเครื่องบิน B737 NG และ B737 MAX จำนวน50ลำ

สายการบินโลว์คอสต์เจ้าใหม่ ชื่อ 9 Air ซึ่งเป็นสายการบินลูกของ Juneyao Airlines ของจีน  ตกลงใจซื้อเครื่องบินแบบB737 NG และ B737 MAX จำนวน 50ลำ โดยจะตั้งฐานการบินที่เมืองกวางโจว และจะเปิดให้บริการในปีนี้
ชื่อของสายการบิน คือ 9 Air ได้จากนโยบายการตั้งราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 9 หยวน(RMB)ของสายการบิน สืบเนื่องจากการยกเลิกข้อจำกัดการกำหนดราคา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของจีนในการโปรโมทการบินพาณิชย์ในประเทศนั่นเอง
แหล่งข่าว : WWW.ASIANAVIATION.COM
—————————————————————————————————————————

ไทยแอร์เอเซียเปิดให้บริการYOUTUBE CHANNEL THAILAND

ไทยแอร์เอเซียเปิดให้บริการYOUTUBE CHANNEL THAILAND

สายการบินไทยแอร์เอเซียและไทยแอร์เอเซียเอ๊กซ์ ใช้ช่องทาง YOUTUBE CHANNEL เป็นเครื่องมือทางการตลาดในการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่น GEN C หรือ CONNECTED GENERATION โดยร่วมมือกับ GOOGLE THAILAND ใช้ YOUTUBE PLATFORM เพื่อเข้าถึงความต้องการของนักเดินทางและสร้างออนไลน์คอมมูนิตี้ขึ้นมา

ผู้บริหารของแอร์เอเซียเอ๊กซ์ อธิบายว่า YOUTUBE CHANNEL ที่เปิดขึ้นมา จะเป็นกลยุทธ์ใหม่ของโมเดลการทำธุรกิจในโลกยุคดิจิตอล โดยคอนเทนต์ที่จะนำเสนอประกอบไปด้วยวิดิโอใหม่ๆที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และจุดหมายปลายทางในการเดินทางของสายการบิน รวมไปถึงคอนเทนต์ออนไลน์ที่เป็นประโยชน์ที่จะทำให้เกิดเป็นศูนย์กลางข้อมูลการเดินทางที่แชร์ข้อมูลออนไลน์

ผู้บริหารของGOOGLE THAILAND กล่าวว่า ร้อยละ 35 ของการค้นหาข้อมูลในเมืองไทยจะเข้าไปที่ YOUTUBE ได้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของวิดิโอต่อนักเดินทางที่กำลังเพิ่มขึ้น

ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลเดินทางของไทยแอร์เอเซียกรุ๊ป ผ่านYOUTUBE โดยจะมีข้อมูลตั้งแต่กัมพูชาไปจนถึงเกาหลีใต้ โดยไทยแอร์เอเซียสามารถใช้ YOUTUBE ในการกระตุ้นความต้องการเดินทาง ให้ข้อมูลและความสนุกสนานต่อผู้ชมได้อีกด้วย

แหล่งข่าว: BANGKOKPOST.COM

ติดตามข่าวสารการบินและเรื่องราวการเดินทางได้ที่ 
NUCKBIN.BLOGSPOT.COM

นกแอร์สั่งซื้อเครื่องบินล๊อตใหม่ จำนวน15ลำ จากโบอิ้ง

ายการบินนกแอร์ยืนยันคำสั่งซื้อเครื่องบินใหม่อีก15 ลำ ในงาน Singapore Air Show เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยเครื่องบิน B737 NG อีกแปดลำ และ B737 MAX อีกเจ็ดลำ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1450 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับประมาณ 47200 ล้านบาท

การสั่งซื้อครั้งนี้ ทำให้นกแอร์เป็นสายการบินแรกในประเทศไทยที่จะทำการบินด้วยเครื่องบินแบบ B737 MAX ในปี 2017

เครื่องบินตระกูลB737 ได้รับการสั่งซื้อจากทั่วโลกไปแล้ว 11831 ลำ นับจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2014

การสั่งซื้อเครื่องบินครั้งนี้ของนกแอร์เป็นการสั่งซื้อโดยตรงจาก BOEING เป็นล๊อตแรก โดยนกแอร์กำลังพิจารณาอ๊อพชั่นทางการเงินอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งอาจจะเป็นการกู้เงินจากEXIM BANK ของสหรัฐอเมริกา

ฝ่ายบริหารของนกแอร์แจ้งว่า จะเริ่มรับเครื่องบินแบบ 734NG ในช่วงปี 2015-17 จำนวนแปดลำ เริ่มใช้งานในเดือนสิงหาคม 2015 และมีแผนทีจะเปลี่ยนแบบเครื่องจาก NG เป็น MAX ในภายหลังเพื่อใช้งานB737MAX ทั้งหมดแปดลำ สำหรับ737 MAX จำนวนแปดลำ จะเริ่มทะยอยส่งในปี 2018-2019 ปีละ4ลำ

เครื่องบินล๊อตใหม่ที่สั่งซื้อจะเป็น One-class configuration โดยตัว NG จะมี 189 ที่นั่ง ในขณะที่ MAX จะมี 200 ที่นั่งต่อลำ แต่ทางผู้สร้างคือโบอิ้งอาจจะพิจารณาเพิ่มจำนวนเก้าอี้ผู้โดยสารของ MAXอีก 12 ที่นั่ง โดยการเพิ่มจำนวนประตูฉุกเฉินเพื่อให้เป็นไปตามกฏการบินด้านความปลอดภัย

นกแอร์เป็นผู้สั่งซื้อรายที่ 41 ของเครื่องแบบ B737MAX ที่ในขณะนี้ยอดจองขยับเพิ่มเป็น 2017 ลำจาก 40 รายทั่วโลก

เครื่องแบบMAX จะเริ่มใช้งานได้จริงในปี 2017 โดยที่สายการบิน SOUTHWEST ของสหรัฐอเมริกา จะเป็นเจ้าแรกที่ได้บินเครื่องบินแบบนี้ โบอิ้งกล่าวว่า B737MAX เป็นเครื่องบินที่ใช้เทคโนโลยี่ขั้นสูงสุด มีWinglet(ปลายปีก)ที่ใหญ่ขึ้นและเครื่องยนต์แบบใหม่ ทำให้บินประหยัดน้ำมันขึ้น บินได้ไกลขึ้นแต่เสียงรบกวนในห้องผู้โดยสารลดลง

นับจนถึงวันที่ 30 เมษายนปีนี้ โบอิ้งได้ขายเครื่องบินแบบ NG ไปแล้ว 6719 ลำ โดยโบอิ้งได้อ้างถึงความต้องการเครื่องบินโดยสารไอพ่นของ SOUTHWEST อีกเกือบ 3080 ลำ มูลค่า 450000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอีกสองทศวรรษต่อจากนี้ โดยในจำนวนเครื่องบินดังกล่าวจะเป็นรุ่น Single-aisle(ทางเดินในเคบินเพียงทางเดียว) คือแบบB737 หรือ A320 จำนวน 2160 ลำ มูลค่า 210000ล้านเหรียญสหรัฐ

ตัวแทนโบอิ้งยังกล่าวอีกว่า กำลังลุ้นให้ลูกค้าจากอินโดนีเซียคือไลอ้อนแอร์และสายการบินทีกำลังเปิดใหม่ในเมียนมาร์สั่งซื้อเครื่องบินของโบอิ้งเพิ่มเติมอีกในอนาคต

แหล่งข่าว : BangkokPost.com

www.nuckbin.blogspot.com

เรื่องที่ไม่ลับ เกี่ยวกับเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง หรือ FLIGHT SIMULATOR

น่าจะมีหลายคนสงสัยว่า นักบินเวลาจะฝึกทบทวนในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง (FLIGHT SIMULATOR) เค้าทำกันอย่างไร ในฐานะที่ทำงานเป็นนักบินมาเกือบจะ20ปีแลัว เลยอยากจะแชร์ความรู้แบบอ่านกันง่ายๆ ให้คนทั่วไปได้ทราบบ้างนะครับ

1.ทำไมนักบินต้องบินเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง

ข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 78 ให้ไว้ ณ วันที่ 4 มกราคม 2551 กําหนดให้ผู้ได้รับใบรับรองผู้ดําเนินการเดินอากาศจะต้องจัดทําหลักสูตรการ ฝึกอบรมผู้ประจําหน้าที่ในอากาศที่เป็นไปตามข้อกําหนดที่กรมการขนส่งทางอากาศ(ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นกรมการบินพลเรือน)ประกาศกําหนด และได้รับการรับรองโดยหลักสูตรการฝึกอบรมดังกล่าวจะต้องมีการฝึกบินทบทวน (Recurrent Flight Training) ของอากาศยานแบบต่าง ๆ ที่ต้องใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยฝึกบินจําลอง (Flight Simulation Training Device) ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางอากาศตามระยะเวลาที่กําหนด
โดยหลักสูตรการฝึกอบรมแบบ Recurrent training หมายถึง หลักสูตรการฝึกอบรมสําหรับผู้ประจําหน้าที่ในอากาศ –เครื่องบิน เพื่อฝึกทบทวนตามวาระตามที่กําหนดไว้ใน ประกาศกรมการบินพลเรือนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในสภาวะการบินปกติ ผิดปกติ และฉุกเฉิน
ทั้งนี้ จะต้องทำการฝึกทบทวนอย่างน้อย1session(4ชั่วโมง) และทำการตรวจสอบอีก1session(4ชั่วโมง) ในการฝึกทบทวนในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง โดยผู้ที่จะทำการฝึกและตรวจสอบจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมการบินพลเรือน

2.เครื่องช่วยฝึกบินจำลอง (FLIGHT SIMULATOR) มีกี่ประเภท

ถ้านับเฉพาะแบบที่มีการเคลื่อนไหวได้จริงๆ ไม่ใช่แบบที่มีแค่จอมอนิเตอร์ เราจะเรียกแบบที่เคลื่อนไหวได้ว่าFULL FLIGHT SIMULATOR แบ่งได้เป็นสี่แบบ สี่ระดับ ตั้งแต่LEVEL A,B,CจนถึงD โดยที่แบบD จะเคลื่อนไหวได้หกทิศทาง(SIX DEGREE OF FREEDOM) คือมันจะเคลื่อนที่ ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา บน-ล่าง กระดกหัวขึ้น-ลง ส่ายหัวซ้าย-ขวา และ เอียงปีกซ้าย-ขวา ซึ่งจะให้ความสมจริงตามการเคลื่อนไหวของเครื่องบิน แบบD เป็นแบบที่นักบินแอร์ไลน์รู้จักและคุ้นเคยอย่างดีครับ

3.ใครบ้างที่เข้าไปอยู่ในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง เวลาที่ทำการฝึก

อย่างน้อยก็มีสามคนครับ คือนักบินที่เข้ารับการฝึกและตรวจสอบ โดยจะมีผู้ที่นั่งเก้าอี้ซ้าย เราเรียกว่ากัปตัน(CAPTAIN) ซึ่งจะมีบทบาทในการควบคุมและตัดสินใจในทุกกรณี อีกคนนั่งทางขวา เราเรียกคนนี้ว่านักบินผู้ช่วย หรือโคไพล็อต(COPILOT)ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของกัปตัน อีกคนนึงก็คือครูการบิน(FLIGHT SIMULATOR INSTRUCTOR) ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวและสมมติสถานการณ์ในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง และทำหน้าที่ฝึกสอนให้นักบินที่เข้ารับการฝึกและตรวจสอบในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง

4.เวลาอยู่ในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง ความรู้สึกเหมือนเครื่องบินจริงๆหรือไม่

เหมือนมากครับ ทั้งภาพที่เห็นจากหน้าจอที่เป็นกระจกด้านหน้าของเครื่อง เสียงที่ออกจากลำโพงในเครื่องช่วยฝึกบินจำลองก็เสมือนจริงมากๆ สำหรับการเคลื่อนไหวก็จำลองได้เหมือนมีมูฟเม้นต์จริงๆครับ ทำให้ใกล้เคียงกับสภาพเหตุการณ์จริงๆ ที่จะไม่เหมือนก็คือจะไม่มีระบบปรับความดัน คือจะไม่มีความรู้สึกหูอื้อเหมือนของจริงครับ

5.แล้วซิมมูเลเตอร์มันเคลื่อนไหวได้อย่างไร

ครูการบินจะเป็นผู้ควบคุมครับ ผ่านinterface panelที่อยู่ในเครื่อง โดยก่อนทำการฝึก ฝ่ายช่างจะเปิดระบบไฮโดรลิคและเครื่องปรับอากาศให้ครับ ตัวซิมมูเลเตอร์จะเคลื่อนไหวแบบหกทิศทางโดยขาไฮโดรลิคหกขาที่รองรับตัวซิมนั่นเองครับ

6.อันตรายมั๊ยเวลาอยู่ในซิม

ไม่ครับ นักบินจะต้องรัดสายเข็มขัดตลอดเวลาที่ซิมเปิดระบบเคลื่อนไหว และหากเกิดปัญหา ตัวซิมเองจะมีระบบanti-crashครับ

เหตุเกิด ณ งานเลี้ยงรุ่นมัธยม

เหตุเกิด ณ งานเลี้ยงรุ่นมัธยมวัดข้างแรม

กัปตันไถลศักดิ์: หวัดดีแฉล้มศรี ไม่เจอกันซะนาน สวยเหมือนโคลนนิ่งเอาไว้เลยนะเธอ

แฉล้มศรี: นี่ ชมหรือด่ายะ เด๋วโบก

กัปตันไถลศักดิ์: ชมสิยะ ใครจะกล้าด่า เด๋วแฟนทอมของเธอจะได้มาสอยปลายคางชั้น

แฉล้มศรี: เออ แล้วไป นี่นะ เจอกันก้อดีแล้ว อาทิตย์ก่อนชั้นนั่งเครื่องสายการบินของเธอไปภูเก็ต คอชั้นแทบหัก ลงซะแรงเขียว นักบินฝีมือห่วยเจงๆ ทำไมต้องแรงขนาดนั้นยะ

กัปตันไถลศักดิ์: มันเป็นอย่างนี้ ไม่มีนักบินคนไหนไม่อยากลงจอดรุนแรงหรอกจ้า ว่าแต่เธอรู้มั๊ยว่า ไอ้ที่ลงนิ่มๆกันเนี่ย มันก้อมีความเสี่ยงนะ

แฉล้มศรี: ยังงัยยะ ไม่เก็ท

กัปตันไถลศักดิ์: ปัจจัยในการลงจอดว่าจะนิ่มไม่นิ่มมันประกอบไปด้วย
1.ความเร็วในการลงจอด เพราะเครื่องบินแต่ละแบบมีความเร็วในการลงจอดที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและการออกแบบเครื่องบิน ถ้าความเร็วสูง ก็จำเป็นต้องใช้ทางวิ่ง(Runway)ในการลงจอดที่ยาวกว่าเครื่องบินที่มีความเร็วในการลงจอดที่ต่ำกว่า ดังนั้นหากต้องนำเครื่องบินที่ความเร็วในการลงจอดสูงเพื่อลงสนามที่ทางวิ่งพอดีเป๊ะ นักบินก็จำเป็นต้องลงจอดแบบเฟิร์มๆหน่อย เพื่อให้มั่นใจได้ว่า สามารถจอดสนิทก่อนวิ่งไปจนสุดทางวิ่งงัย ไม่งั้นก้อทะลุทางวิ่งออกไปเลย
2.ทิศทางลม ปกตินักบินจะเลือกทิศทางลงจอดตามที่สนามบินกำหนดในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งปกติจะลงจอดสวนทิศทางลม(Headwind landing) เช่นถ้าทิศทางลมมาจากทางเหนือ ก็จะลงจอดทางวิ่งทิศเหนือ แต่ก้อมีบางครั้งที่หอบังคับการบินของสนามนั้นๆกำหนดให้ลงจอดตามลม เราเรียกว่า Tailwind landing ซึ่งจะใช้ระยะทางในการลงจอดมากกว่าลงจอดแบบสวนลม นักบินก้ออาจจะต้องลงจอดเฟิร์มหน่อยเพื่อให้เครื่องหยุดได้ปลอดภัยก่อนจะหลุดทางวิ่งออกไป
3.ความยาวทางวิ่ง(runway) ถ้ามันพอดีๆสำหรับเครื่องบินแบบนั้น นักบินก้อจำเป็นจะต้องลงให้เฟิร์มหน่อย แต่ถ้ามันยาวเกินต้องการ นักบินก้อจะลงเอาใจผู้โดยสารนิสนึง เอาแบบปรบมือกันทั้งเครื่อง แบบสมูทแอสซิลค์เรย
4.ประสบการณ์บิน กัปตันที่ประสบการณ์เยอะ ก็มักจะลงได้นิ่มนวลไม่รุนแรง แต่น้องๆนักบินที่ประสบการณ์ยังไม่มาก กำลังฝึกฝนสร้างวิทยายุทธในการลงจอดจากที่นั่งขวา กัปตันก็จะมอบโอกาสให้ทำการฝึกฝนตัวเองเพื่อเป็นกัปตันที่ลงนิ่มนวลต่อไปในอนาคต ถ้าสภาพอากาศดี ไม่มีอะไรที่ต้องเสี่ยง กัปตันก็มักจะให้น้องๆนักบินผู้ช่วยที่นั่งทางขวาเป็นผู้นำเครื่องลงจอดแทน ลืมบอกเธอว่า นักบินสามารถนำเครื่องลงจอดได้ทั้งจากที่นั่งซ้ายของกัปตัน และจากที่นั่งขวาของนักบินผู้ช่วยก็ได้ วันไหนเฟิร์มๆหน่อย ก็อย่าถือโทษโกรธกันเลยนะจ๊ะ ยังไงซะไม่อันตรายแน่นอนเพียงแต่อาจจะเหมือนขับรถตกหลุม แหะแหะ

แฉล้มศรี: โอเค โอเค เข้าใจแระ อธิบายซะละเอียดเชียวกัปตันไถล ยังงัยซะชั้นก็ใช้บริการของสายการบินเธออยู่แล้ว เพราะกัปตันประสบการณ์การบินเยอะนี่ ได้ข่าวว่ากว่าจะเป็นกัปตันได้นี่เป็นสิบปีเลยเหรอ

กัปตันไถลศักดิ์: ใช่แล้วหล่อน กว่าจะเป็นกัปตันได้นี่ ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มข้นดังนั้นมั่นใจได้เลยว่า ความปลอดภัยสูงมากๆ แต่ที่สำคัญ เธออย่าลืมปฏิบัติตามที่น้องๆพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินได้ขอร้องก็แล้วกันนะ เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง

แฉล้มศรี: แน่นอนย่ะ ชั้นหน่ะต้องเซฟอยู่แล้ว ว่าแต่วันนี้กัปตันไถล ไม่บินเหรอ ว่างได้งัยนี่วันนี้ ปกติไม่เห็นมางานเลี้ยงรุ่นเลย

กัปตันไถลศักดิ์: วันนี้ขอเค้าว่างไว้ ตั้งใจมาเลยนะนี่ อยากเห็นหน้าแฉล้มศรีมานานแล้ว ได้ข่าวว่าทำหน้าอกมาเหรอ ขอจับหน่อยสิ

แฉล้มศรี: อีตาบ้า เด๋วบั๊ดเสยคางซะนี่

กัปตันไถลศักดิ์: ฮ่า ฮ่า ฮ่า
--------------------------------------------------------------------------------------

more articles about pilot's flying experience and social life www.nuckbin.blogspot.com
www.facebook.com/nuckbin

ติตตามอ่านบทความเกี่ยวกับการบินและชีวิตนักบินแอร์ไลน์ได้ที่
www.nuckbin.blogspot.com
www.facebook.com/nuckbin

21 พฤษภาคม 2557

นักบินกับการเผชิญหน้ากับสถาพอากาศที่รุนแรง

ในชีวิตการบินของนักบินแอร์ไลน์ มีบ่อยครั้งที่เราต้องนำเครื่องบินบินผ่านสภาพอากาศที่เลวร้าย ทั้งระหว่างวิ่งขึ้น บินระดับ และแม้กระทั่งเวลาที่จะนำเครื่องลงจอดที่สนามบินปลายทาง หลายๆท่านที่เป็นผู้โดยสารอาจจะสงสัยว่า นักบินกำลังทำอะไรและอย่างไรเมื่อต้องบินผ่านสภาพอากาศที่แปรปรวน คำถามที่มักจะอยากรู้ ก็คือ

1. นักบินทราบได้อย่างไรว่าตรงไหนมีเมฆหรือสภาพอากาศแปรปรวนในตอนกลางคืน

คำตอบ:โชคดีที่เครื่องบินสมัยใหม่ติดต่ออุปกรณ์ที่เรียกว่า AIRBORNE WEATHER RADAR ที่จะทำหน้าที่สแกนหาความชื้นและกระแสอากาศแปรปรวนด้านหน้าเครื่องบิน และแปรผลเป็นภาพสีแสดงความรุนแรง โดยขึ้นอยู่กับปริมาณความชื้นในอากาศ ถ้ามีกลุ่มเมฆหรือกลุ่มฝน มันจะแสดงเป็นสีเขียว เหลือง แดง หรือสีบานเย็น ไล่เรียงความรุนแรงจากน้อยไปหามาก ทำให้นักบินใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการตัดสินใจบินหลบสภาพอากาศรุนแรงดังกล่าว

2.ทำไมเวลาบินลงแล้วอยู่ดีๆเครื่องบินก็เชิดหัวขึ้นกระทันหัน แล้วก็บินกลับมาลงใหม่ นักบินตัดสินใจอย่างไรที่จะลงหรือไม่ลง

คำตอบ:นักบินแอร์ไลน์ได้รับการฝึกให้นำเครื่องบินลงจอดได้ก็ต่อเมื่อรายงานอากาศที่ได้รับจากสนามบินที่จะทำการลงจอดระบุค่าที่เกินกว่าขั้นต่ำที่กำหนดไว้ ค่าดังกล่าวประกอบด้วย ค่าขั้นต่ำในแนวตั้ง(MINIMUM DESCENT ALTITUDE)และแนวนอน(VISIBILITY) หากตัวเลขที่ได้รับรายงานเกินกว่าค่าขั้นต่ำดังกล่าว จึงจะสามารถตัดสินใจทำการบินลงได้ และในขณะที่ทำการบินลง นักบินต้องมองหารันเวย์ที่จะลงจอดให้ได้ก่อนถึงค่าขั้นต่ำดังกล่าว จึงจะสามารถนำเครื่องลงจอดได้จริง แต่ก็มีหลายครั้ง แม้ว่าค่าที่ได้รับรายงานจะสูงกว่าค่าขั้นต่ำที่ถูกกำหนด นักบินก็อาจจะเชิดหัวเครื่องบินขึ้นและยกเลิกการลงจอด หากไม่สามารถมองเห็นรันเวย์ หรือสถานะของเครื่องบินในขณะนั้นไม่พร้อมที่จะลงจอดอย่างปลอดภัย เราเรียกว่า Unstabilized approach โดยนักบินจะตรวจสอบจากความเร็วของเครื่อง อัตราร่อนของเครื่อง และมุมร่อนที่เหมาะสม หากค่าใดค่าหนึ่งไม่เสถียร จะเป็นอันตรายต่อการลงจอด นักบินจะตัดสินใจเชิดหัวเครื่องขึ้นทันที เราเรียกว่าเชิดหัวขึ้นไปใหม่ว่า Go-Around โดยนักบินได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นตลอดช่วงเวลาการเป็นนักบิน และถูกตรวจสอบด้วยครูการบินของบริษัทอีกด้วย ดังนั้นทักษะในการตัดสินใจดังกล่าวมาจากประสบการณ์การบินที่ผ่านมาด้วย สายการบินใดมีนักบินที่มีประสบการณ์และเคารพต่อกฏการบินอย่างเคร่งครัด นั่นย่อมหมายถึงความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้โดยสารนั่นเอง

3.ทำไมได้ยินว่ามีผู้โดยสารบาดเจ็บเพราะกระแสอากาศแปรปรวน นักบินไม่ทราบหรือว่าตรงไหนมีสภาพอากาศแปรปรวน

คำตอบ:ก่อนทำการบินทุกครั้ง นักบินจะได้อ่านรายงานสภาพอากาศที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศระหว่างทาง ซึ่งจะระบุพื้นที่ซึ่งอาจจะมีกระแสอากาศแปรปรวนทั้งแบบที่เกิดจากกลุ่มเมฆหรือกลุ่มฝน และแบบที่ไม่มีเมฆหรือกลุ่มฝน แต่มีการเคลื่อนไหวของลมอย่างและรุนแรงที่เราเรียกว่า CLEAR AIR TURBULENCE แต่เป็นข้อมูลที่หยาบๆเพียงบอกพื้นที่ที่อาจจะเกิดกระแสอากาศแปรปรวนได้ นักบินก็จะพยายามบินหลบเลี่ยง แต่บางครั้งมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่มีข้อมูลแจ้งล่วงหน้า ดังนั้นกัปตันจะประกาศเตือนผู้โดยสารทุกครั้งว่า หากนั่งอยู่กับที่ กรุณารัดสายเข็มขัดที่นั่งของท่านด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านและลูกหลานที่เดินทางด้วยกันครับ

เรื่องของซิมมูเลเตอร์ มันเป็นยังงัยนะ

น่าจะมีหลายคนสงสัยว่า นักบินเวลาจะฝึกทบทวนในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง (FLIGHT SIMULATOR) เค้าทำกันอย่างไร ในฐานะที่ทำงานเป็นนักบินเกือบจะ20ปีแล้ว เลยอยากจะแชร์ความรู้แบบอ่านกันง่ายๆ ให้คนทั่วไปได้ทราบบ้างนะครับ

1.ทำไมนักบินต้องบินเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง

ข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 78 ให้ไว้ ณ วันที่ 4 มกราคม 2551 กําหนดให้ผู้ได้รับใบรับรองผู้ดําเนินการเดินอากาศจะต้องจัดทําหลักสูตรการ ฝึกอบรมผู้ประจําหน้าที่ในอากาศที่เป็นไปตามข้อกําหนดที่กรมการขนส่งทางอากาศ(ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นกรมการบินพลเรือน)ประกาศกําหนด และได้รับการรับรองโดยหลักสูตรการฝึกอบรมดังกล่าวจะต้องมีการฝึกบินทบทวน (Recurrent Flight Training) ของอากาศยานแบบต่าง ๆ ที่ต้องใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยฝึกบินจําลอง (Flight Simulation Training Device) ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางอากาศตามระยะเวลาที่กําหนด
โดยหลักสูตรการฝึกอบรมแบบ Recurrent training หมายถึง หลักสูตรการฝึกอบรมสําหรับผู้ประจําหน้าที่ในอากาศ –เครื่องบิน เพื่อฝึกทบทวนตามวาระตามที่กําหนดไว้ใน ประกาศกรมการบินพลเรือนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในสภาวะการบินปกติ ผิดปกติ และฉุกเฉิน
ทั้งนี้ จะต้องทำการฝึกทบทวนอย่างน้อย1session(4ชั่วโมง) และทำการตรวจสอบอีก1session(4ชั่วโมง) ในการฝึกทบทวนในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง โดยผู้ที่จะทำการฝึกและตรวจสอบจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมการบินพลเรือน

2.เครื่องช่วยฝึกบินจำลอง (FLIGHT SIMULATOR) มีกี่ประเภท

ถ้านับเฉพาะแบบที่มีการเคลื่อนไหวได้จริงๆ ไม่ใช่แบบที่มีแค่จอมอนิเตอร์ เราจะเรียกแบบที่เคลื่อนไหวได้ว่าFULL FLIGHT SIMULATOR แบ่งได้เป็นสี่แบบ สี่ระดับ ตั้งแต่LEVEL A,B,CจนถึงD โดยที่แบบD จะเคลื่อนไหวได้หกทิศทาง(SIX DEGREE OF FREEDOM) คือมันจะเคลื่อนที่ ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา บน-ล่าง กระดกหัวขึ้น-ลง ส่ายหัวซ้าย-ขวา และ เอียงปีกซ้าย-ขวา ซึ่งจะให้ความสมจริงตามการเคลื่อนไหวของเครื่องบิน แบบD เป็นแบบที่นักบินแอร์ไลน์รู้จักและคุ้นเคยอย่างดีครับ

3.ใครบ้างที่เข้าไปอยู่ในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง เวลาที่ทำการฝึก

อย่างน้อยก็มีสามคนครับ คือนักบินที่เข้ารับการฝึกและตรวจสอบ โดยจะมีผู้ที่นั่งเก้าอี้ซ้าย เราเรียกว่ากัปตัน(CAPTAIN) ซึ่งจะมีบทบาทในการควบคุมและตัดสินใจในทุกกรณี อีกคนนั่งทางขวา เราเรียกคนนี้ว่านักบินผู้ช่วย หรือโคไพล็อต(COPILOT)ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของกัปตัน อีกคนนึงก็คือครูการบิน(FLIGHT SIMULATOR INSTRUCTOR) ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวและสมมติสถานการณ์ในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง และทำหน้าที่ฝึกสอนให้นักบินที่เข้ารับการฝึกและตรวจสอบในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง

4.เวลาอยู่ในเครื่องช่วยฝึกบินจำลอง ความรู้สึกเหมือนเครื่องบินจริงๆหรือไม่

เหมือนมากครับ ทั้งภาพที่เห็นจากหน้าจอที่เป็นกระจกด้านหน้าของเครื่อง เสียงที่ออกจากลำโพงในเครื่องช่วยฝึกบินจำลองก็เสมือนจริงมากๆ สำหรับการเคลื่อนไหวก็จำลองได้เหมือนมีมูฟเม้นต์จริงๆครับ ทำให้ใกล้เคียงกับสภาพเหตุการณ์จริงๆ ที่จะไม่เหมือนก็คือจะไม่มีระบบปรับความดัน คือจะไม่มีความรู้สึกหูอื้อเหมือนของจริงครับ

5.แล้วซิมมูเลเตอร์มันเคลื่อนไหวได้อย่างไร

ครูการบินจะเป็นผู้ควบคุมครับ ผ่านinterface panelที่อยู่ในเครื่อง โดยก่อนทำการฝึก ฝ่ายช่างจะเปิดระบบไฮโดรลิคและเครื่องปรับอากาศให้ครับ ตัวซิมมูเลเตอร์จะเคลื่อนไหวแบบหกทิศทางโดยขาไฮโดรลิคหกขาที่รองรับตัวซิมนั่นเองครับ

6.อันตรายมั๊ยเวลาอยู่ในซิม

ไม่ครับ นักบินจะต้องรัดสายเข็มขัดตลอดเวลาที่ซิมเปิดระบบเคลื่อนไหว และหากเกิดปัญหา ตัวซิมเองจะมีระบบanti-crashครับ




18 พฤษภาคม 2557

กอดกันหน่อยดีไหม


เพื่อนร่วมงานของผมท่านหนึ่ง เธอเป็นคุณแม่ลูกสอง มาเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อคืนก่อน ลูกสาวอายุเก้าขวบมีไข้ขึ้นเล็กน้อย ก็เลยต้องนอนกอดลูกอยู่พักใหญ่ จนอาการเริ่มดีขึ้นเมื่อผ่านไปได้สักชั่วโมง ผมฟังแล้วก็งงๆ ถามกลับไปว่า กอดลูกนี่มันช่วยให้ไข้ลดเหรอ เธอก็บอกไม่รู้เหมือนกัน ไข้มันลดทุกที แล้วลูกเธอก็หลับได้ทุกครั้ง นี่ ความรักของแม่นี้ช่างยิ่งใหญ่จุงเบย

ด้วยความสงสัย เลยลองหาข้อมูลจากอากู๋ ไปเจอข้อมูลอันนึงน่าสนใจ เกี่ยวกับสารเคมีอันนึงที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ รวมถึงช่วยให้ชีวิตมนุษย์อย่างเราๆแตกต่างจากสัตว์โลกอีกหลายสปีชี่ส์ ฮอร์โมนตัวนี้ชื่อ ออกซิโตซิน( OXYTOCIN) เป็นสารเคมีที่หลั่งออกมาจากสมองส่วนที่เรียกว่า ไฮโปทาลามัส หลายๆท่านในวงการแพทย์เรียกฮอร์โมนตัวนี้ว่า ฮอร์โมนแห่งความรัก ชักน่าสนใจแล้วสิ งั้นเรามาดูกันว่า ฮอร์โมนตัวนี้มันมีผลต่อมนุษย์อย่างไรบ้างครับ

1.ได้มาฟรีๆ ไม่ต้องไปหาจากที่ไหน
เมื่อคุณกอดใครสักคนที่คุณรักและห่วงใย หรือถ้าแบบฝรั่ง ก็แค่จับมือแบบเช็คแฮนด์ เจ้าออกซิโตซินก็จะถูกหลั่งออกมาจากสมองของคุณและคนที่คุณเลือกจะกอด ทำให้คุณและเขาเกิดความเชื่อมั่นและไว้ใจซึ่งกันและกัน จากการวิจัยเค้าบอกต่อว่า แม้เพียงแค่เหลือบมองหรือคิดถึงคนที่คุณรู้สึกปลื้มหรือแอบหลงรัก เจ้าสารเคมีตัวนี้ก็จะออกมาสร้างความซาบซ่านให้ตัวคุณทันทีเหมือนกัน รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมแอบคิดถึงคนที่คุณปิ๊งให้บ่อยขึ้นหน่อย ชีวิตจะได้สดชื่น อิอิ

2.โมเลกุลแห่งความรัก
เจ้าออกซิโตซิน เมื่อทำงานร่วมกับสารเคมีอีกสองตัว คือ โดปามีน(DOPAMINE) และนอริพิเนฟรีน(NOREPINEPHRINE) ช่วยกันทำงานสร้างความผูกพันและความเป็นผัวเมีย(ตรงๆเลยแล้วกัน) ก่อเกิดสถานะร่วมกันขึ้นมา นอกจากนี้ พวกมันยังไปเพิ่มความปรารถนาที่จะจิ๊จ๊ะกันอีกด้วย และสำหรับท่านชาย ออกซิโตซินจะช่วยให้ท่านตั้งตระหง่านเมื่อเวลาที่ต้องการ ต่อจากนั้น ในขณะที่ท่านกำลังไฟลุกโชน เจ้าออกซิโตซินในสมองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และเมื่อเหตุการณ์เข้าสู่ไคลแมกซ์ (ORGASM)  ในสมองของทั้งคู่จะท่วมท้นไปด้วยสารออกซิโตซิน ซึ่งเป็นคำตอบที่ว่า หลังจากเสพสมกันแล้ว คู่รักมักจะชอบที่จะตระกองกอดกันต่ออีกสักระยะหนึ่ง แหม เขียนซะเป็นอีโรติคเลยนิ

3.ทำให้คุณแม่เป็นคุณแม่ตัวจริง
ในขณะที่ขุ่นหมอทำคลอดให้ขุ่นแม่ เจ้าออกซิโตซินจะถูกหลั่งออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก และบางครั้งถ้าจำเป็น ขุ่นหมอจะฉีดเจ้าสารเคมีตัวนี้ ซึ่งอยู่ในชื่อการแพทย์ว่า PITOCIN ให้กับขุ่นแม่เพื่อช่วยอีกแรง ทำให้คลอดง่ายและรวดเร็วขึ้น คุณแม่จะได้ไม่ต้องเจ็บนาน และหลังจากคลอดแล้ว สารออกซิโตซินจะถูกถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกผ่านการให้นมแม่ ก่อเกิดความรู้สึกผูกพันและอบอุ่นระหว่างกันและกัน สำหรับคุณพ่อ อย่าเพิ่งน้อยใจ คุณหมอมีวิธีทำให้รู้สึกอย่างเดียวกับคุณแม่ได้ด้วยนะ ถ้าต้องการ เพียงแค่พ่นสเปรย์ที่มีตัวออกซิโตซินเข้าทางจมูกคุณพ่อ จะทำให้คุณพ่ออยากจะเล่นกับลูกและใกล้ชิดลูกมากขึ้น อืม น่าลองมั๊ยเนี่ย

4.เข้าสังคมอย่างชิลล์ๆ
ออกซิโตซินมีส่วนช่วยในการสร้างความมั่นใจในตัวเองเมื่อต้องเข้าร่วมกลุ่มใดๆก็ตาม โดยสร้างความเชื่อมั่นและลดความกลัวที่จะพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ นอกจากนี้ยังช่วยเยียวยาอาการหดหู่หรือบาดแผลในใจจากอดีตที่ผ่านมาอีกด้วย

5.เยียวยาบาดแผลและอาการเจ็บปวด
ออกซิโตซินช่วยลดอาการติดเชื้อ และบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ด้วย นั่นคือเหตุผลที่ว่า เมื่อรู้สึกเจ็บไข้ได้ป่วย เพียงแค่กอดกัน ก็ช่วยเพิ่มออกซิโตซินในสมอง ลดความรู้สึกเจ็บปวดลงไปได้มาก อนึ่ง มีเคล็ดลับประคองชีวิตคู่ โดยเฉพาะเรื่องจิ๊จ๊ะ คราวหน้าถ้ารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว สะกิดบอกคู่รักของคุณว่า นี่เธอ วันนี้ฮันหนีรู้สึกปวดเมื่อยจุงเบย เรามาสแครชกันหน่อยได้ป๊ะตะเอง อยากเพิ่มสารออกซิโตซินหน่อย อิอิ

6.ยาลดความอ้วน
จากผลการวิจัยของคณะทำงานคณะหนึ่ง ได้ความว่า หนูทดลองที่ไม่ได้รับสารออกซิโตซิน จะอ้วนกว่าหนูที่ได้รับสารออกซิโตซิน จากผลดังกล่าว เค้าเชื่อว่า ออกซิโตซินมีผลต่อกระบวนการเมตาโบลิซึ่มทั้งในหนูและคนเรา ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากหนูอ้วนพีแล้ว ลองฉีดออกซิโตซินกลับไปให้หนูอ้วน สักพัก หนูอ้วนก็กลับมาสเลนเดอร์อีกครา รู้อย่างนี้แล้ว หาวิธีเพิ่มออกซิโตซินให้มากขึ้นนะจ๊ะสาวๆ 

7.สารป้องกันความหดหู่
จากผลการวิจัย(อีกแระ) บอกว่า ออกซิโตซินมีความเกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อคุณแม่หลังการคลอด คุณแม่บางท่านมีอาการหดหู่หลังคลอดเป็นเพราะปริมาณออกซิโตซินในสมองมีจำนวนลดลงอย่างมีนัยยะ คุณหมอสามารถทำนายและป้องกันการหดหู่ของคุณแม่หลังคลอดได้ โดยวัดปริมาณออกซิโตซินของคุณแม่หลังคลอด 

8.เพชรฆาตความเครียด
ออกซิโตซินช่วยลดจำนวนคอร์ติซอล(CORTISOL)ในร่างกายและช่วยลดความดันโลหิต และยังช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหารซึ่งมักจะถูกรบกวนจากความเครียดที่พุ่งสูงขึ้น สารออกซิโตซินยังถูกพบในลำไส้ของคนเราอีกด้วย ซึ่งมันจะช่วยให้อาหารที่ถูกย่อยเดินทางผ่านลำไส้ได้สะดวก ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์เข้าสู่ร่างกายและยังช่วยลดอาการติดเชื้อในลำไส้อีกด้วย แหม มันดีจริงๆนิ

9.ใจกว้าง และมีเมตตา
ออกซิโตซิน มีผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์เกี่ยวกับการเผื่อแผ่ เสียสละประโยชน์หรือความสุขส่วนตัว และแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่มีน้อยกว่า จากผลการวิจัย พบว่า กลุ่มทดลองที่ถูกฉีดสารออกซิโตซินให้ จะมีแนวโน้มที่จะแบ่งเงินให้กับคนแปลกหน้ามากกว่ากลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดสารออกซิโตซินให้ถึง80เปอร์เซ็นต์ทีเดียวเชียวนะ ว้าว คราวหน้า ขอแบ่งยามาฉีดให้เพื่อนสนิทที่รวยๆสักคนดีมะ แล้วรีบเข้าไปโอดครวญว่าขาดแคลนอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ว่า จะได้เงินปะเนี่ย

10.ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์
เขียนอย่างนี้ งงมั๊ย อย่าเพิ่งงงครับ พูดกันง่ายๆ หากคนเราขาดสารออกซิโตซิน คนเราจะไม่มีความรู้สึกห่วงใย ความรู้สึกเชื่อมั่นในสังคมที่เราอยู่ กลุ่มคนที่เราทำงานด้วย เพื่อนบ้าน และอีกหลายๆกลุ่มสังคม  นอกจากนี้ มันยังช่วยเรารักษาความสัมพันธ์และมีความรักต่อกันอย่างจริงใจ ทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ

รู้ถึงประโยชน์ของออกซิโตซินขนาดนี้แล้ว มามะ มากอดกันหน่อยดีไหม เพิ่มปริมาณออกซิโตซินกัน อิอิ

ปล. คราวหน้า จะมาเว้าต่อ ด้านมืดของ ออกซิโตซิน ก็มีนะ จะบอกให้ โปรดติดตามตอนต่อไป

เครดิต: www.io9.com


17 พฤษภาคม 2557

รสชาติของเกลือ

มีนิทานดีๆมาเล่าสู่กันฟัง สำหรับคนที่ทุกข์ง่าย บ่นเก่ง ลองอ่านดูนะครับ สุขหรือทุกข์อยู่ที่มุมมอง

นิทานเซนเรื่อง"รสชาติของเกลือ"


อาจารย์เซนผู้หนึ่งมีศิษย์ที่ชอบร้องทุกข์คร่ำครวญอยู่คนหนึ่ง 
และเนื่องจากทัศนะคติที่คับแคบนี้เอง ทำให้ศิษย์ผู้นี้มักจะมีแต่ความทุกข์กังวลจิตใจไม่เป็นสุข

วันหนึ่งอาจารย์เซนสั่งให้ศิษย์คนดังกล่าวไปตลาดซื้อเกลือมาถุงหนึ่ง 
เมื่อศิษย์กลับมาจึงสั่งให้นำเกลือมาหยิบมือหนึ่ง โปรยลงไปในแก้วบรรจุน้ำ 

แล้วให้ศิษย์ดื่มลงไป พลางกล่าวถามว่า “รสชาติของน้ำเป็นอย่างไร?”
“เค็มจนขม” ศิษย์ตอบด้วยใบหน้าเหยเก

จากนั้น อาจารย์เซนได้พาศิษย์ไปยังริมทะเลสาบ
สั่งให้นำเกลือที่เหลือโปรยลงไปในทะเลสาบจนหมดสิ้น แล้วกล่าวว่า
“ลองดื่มน้ำจากทะเลสาบดูสิ” ศิษย์จึงก้มตัวลงไปวักน้ำจากทะเลสาบขึ้นมาดื่ม

อาจารย์เซนถามอีกว่า “คราวนี้รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?
ศิษย์ตอบว่า “รสชาติหวานสะอาด บริสุทธิ์ยิ่ง”
“ยังมีรสเค็มหรือไม่?” อาจารย์ถามต่อ
“ไม่มี” ศิษย์ตอบ

อาจารย์เซนได้ฟัจึงผงกศีรษะเล็กน้อย ยิ้มพลางเอ่ยสืบไปว่า
“ความทุกข์ในชีวิตคนเราก็เป็นดั่งเกลือ
มันจะมีรสเค็มหรือรสจืด ล้วนขึ้นอยู่กับภาชนะที่รองรับ
ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะเป็นน้ำหนึ่งแก้ว หรือเป็นลำน้ำสายหนึ่ง”

ยาสีฟัน ประโยชน์มากกว่าที่คิด

วันนี้อยู่บ้าน เป็นพ่อบ้านพ่อเรือน(มิใช่ผีบ้านผีเรือน) ได้อ่านบทความดีๆจาก wonderfulengineering.com เกี่ยวกับยาสีฟัน เค้าบอกว่า นอกจากจะเอาไว้แปรงฟันแล้ว มันยังมีประโยชน์อีกมากมาย ลองดูสัก 15 ข้อนะครับ

 1.ขวดน้ำพลาสติคหรือกระติกเทอร์มอสที่นำกลับมาใช้ นานๆเข้ามันจะเริ่มมีกลิ่นเหม็นตุๆ กำจัดกลิ่นได้ง่ายๆ แค่ทายาสีฟันภายในตัวขวดน้ำ แล้วเอาไปล้างด้วยน้ำสะอาด
 2.เครื่องประดับ(JEWELRY)ที่เริ่มจะหมองๆ ลองเอายาสีฟันมาทา แล้วขัดด้วยแปรงสีฟันขนนิ่มๆ ทิ้งไว้สักพัก ล้างด้วยน้ำเปล่า จากนั้นเช็ดถูอีกครั้งด้วยผ้านิ่มๆ มันจะกลับมาอลังการอีกรอบทันที แต่ยกเว้นว่า อย่าไปใช้กับพวกไข่มุกนะจ๊ะ มันจะเป็นรอยเอา เพราะสารขัดฟันในยาสีฟันนั่นแหละ
 3.คราบหรือรอยเปื้อนที่ติดเสื้อผ้า จำพวกคราบลิปสติก น้ำผลไม้ สปาเก๊ตตี้ หรือคราบปูเค็มจากส้มตำ(แหะ แหะ) เราสามารถกำจัดมันได้ โดยทายาสีฟันตรงรอยเปื้อนดังกล่าว ถูแรงๆสักพักตรงบริเวณนั้น แล้วโยนเข้าเครื่องซักผ้าเลย แต่ระวังอย่าไปใช้ยาสีฟันประเภทWhitening กับเสื้อสีๆนะครับ 
 4.ไฟหน้ารถบ้านใคร มันเริ่มไม่สว่างเนื่องจากคราบสกปรกและรอยขีดข่วน ล้างครอบกระจกไฟหน้ารถด้วยน้ำสบู่และน้ำเปล่า จากนั้นทาด้วยยาสีฟันให้ทั่วๆแล้วขัดให้เนียนด้วยผ้าสะอาดๆหรือผ้าเช็ดรถ ไฟหน้ารถจะกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง 
 5.พวกรองเท้ากีฬาที่สีขาวหรือสีอ่อนๆ มักจะเป็นรอยดำเป็นปื้นๆจากการวิ่งแล้วไปครูดกับพื้น ลองเอายาสีฟันมาทาแล้วขัดด้วยผ้าดูครับ 
 6.เวลาตอกตะปูลงไปที่ผนัง พอถอนออกแล้วดูไม่สวยงาม ไม่ต้องไปเรียกช่างมาแก้ไข แค่เอายาสีฟันทาลงไปในรูดังกล่าว แล้วเช็ดส่วนเกินที่ล้นจากรู แค่นี้ก็จบ 
 7.เห็นประตูกระจกบริเวณโซนอาบน้ำมันสกปรกจากคราบสบู่หรือแชมพู ลองใช้ยาสีฟันทาแล้วขัดคราบสกปรกออกด้วยผ้าหรือฟองน้ำที่ชื้นๆเล็กน้อย กระจกจะกลับมาใสปิ๊งเชียว 
 8.แผ่นซีดีหรือดีวีดีที่มันเป็นรอยขูดขีด ลองเอายาสีฟันทาตรงบริเวณนั้น แล้วใช้ผ้าคอตตอนหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ถูสักพัก รอยขูดขีดจะหายไป แต่ระวังว่า อย่าใช้ยาสีฟันเยอะเกินนะ 
 9.ใช้มือจกส้มตำหรืออะไรเหม็นๆมา ล้างด้วยสบู่ไม่ออกโดยเฉพาะกลิ่นยังติดมือ บีบยาสีฟันลงบนฝ่ามือเล็กน้อย ถูมือแล้วล้างออกเหมือนกับล้างด้วยสบู่ จากนั้นทาโลชั่นหรือมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นอีกทีครับ 
 10.คราบที่ติดอยู่กับเตารีดบริเวณที่เราใช้รีดผ้า กำจัดได้โดยทายาสีฟันลงไป เช็ดออกครั้งนึงด้วยผ้าชื้นๆ จากนั้นนำผ้าอีกผืนมาเช็ดซ้ำอีกทีครับผม 
 11.เครื่องใช้ที่ทำจากเงิน(silver) ไม่ว่าจะเป็นช้อนส้อม แท่งเทียน หรือหม้อชามรามไห ขัดให้เงางามได้ด้วยยาสีฟันกับผ้านุ่มๆสักผืน 
 12.แว่นตาว่ายน้ำ แว่นตาจักรยาน หรือแว่นตาใส่เล่นสกี(เมืองนอกนิสนึง) ใส่ไปนานๆมันจะเกิดเหมือนไอน้ำภายในตัวแว่น ทำให้มองเห็นลำบาก ลองทายาสีฟันด้านในของตัวเลนส์แว่นเป็นทิศทางวนกลมๆอย่างเบามือ แล้วขัดเบาๆด้วยผ้าผืนนุ่ม แค่นี้ก็มองเห็นชัดขึ้นแล้ว หมอกจางๆและควันก็จะหายไป 13.อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ เริ่มมีคราบสกปรก ลองบีบยาสีฟันลงไปนิดนึงในอ่าง เช็ดถูด้วยผ้านิ่มๆไปรอบๆอ่างล้างหน้า แล้วล้างออกด้วยน้ำ ผลพลอยได้จากความขาวใสก็คือ กลิ่นไม่พึงประสงค์จากท่อน้ำก็จะลดลงอีกด้วยครับผม 
 14.ก๊อกน้ำโครเมื่ยมราคาแพง เริ่มหมอง ดูไม่ไฮโซโอเด้ง ขัดด้วยยาสีฟันกับผ้าผืนนิ่มๆ จะกลับมาเช้งกะเด๊ะอีกรอบ แต่อย่าขัดบ่อยนะ เด๋วจะลอกออกเร็วเกิน 
 15.หน้าจอไอโฟนหรือสมาร์ทโฟนที่เจ้าของมิได้ติดฟิล์มกันรอย มักจะเป็นรอยขูดขีด ทำให้ราคาตกเวลาปล่อยของ แก้ไขโดยทายาสีฟันเล็กน้อย ขัดด้วยผ้าคอตตอนหนึ่งรอบ แล้วเช็ดออกด้วยผ้าสะอาดอีกครั้ง ไอโฟนของท่านจะกลับมาใสปิ๊งอีกรอบ   

วิธีการง่ายๆ แต่เวอร์ค ลองไปทำกันดูนะครับ ขอให้โชคดี ปล. ก่อนใช้ยาสีฟัน บอกแม่บ้านก่อนนะ ถ้าคุณเธอรู้ทีหลังว่าจะแปรงฟัน แล้วไม่มียาสีฟัน ระเบิดจะลง บ่องตง


  เครดิต: www.wonderfulengineering.com